X
ช่อ ธนาธร โผล่แปดริ้ว

ช่อธนาธร โผล่จ้อเวทีปราศรัยชิงนายก อบจ.แปดริ้ว สับประยุทธ์เผด็จการ อ้างตัวเป็นฝ่าย ปชต.

ฉะเชิงเทรา – ช่อธนาธร โผล่จ้อเวทีปราศรัยใหญ่ ช่วยผู้สมัครชิงนายก อบจ. และ ส.อบจ.แปดริ้ว สับ “ประยุทธ์” สืบทอดอำนาจเผด็จการ อ้างตัวเป็นฝ่ายประชาธิปไตยปลุกคนไทยในท้องถิ่นย่านชายขอบรอบเมืองแปดริ้วออกมาสู้ ด้วยการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง หวังได้ชัยชนะทั้ง 42 จังหวัดที่ส่งตัวแทนลงในสนาม เพื่อโชว์การทำงานล้อมกรอบการเมืองใหญ่ให้เห็นถึงการบริหารงานแบบมืออาชีพจากฝ่ายประชาธิปไตย

วันที่ 6 ธ.ค.63 เวลา 20.00 น. ที่บริเวณสถานที่จัดเวทีการปราศรัยใหญ่ และเป็นครั้งแรกของจ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา แกนนำกลุ่มฉะเชิงเทราก้าวหน้า ที่บริเวณตลาดนัดวันพุธ พื้นที่ ม.2 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วยเหลือผู้สมัคร นายก และ ส.อบจ. หาเสียงเลือกตั้งไปจนทั่วทั้งประเทศรวม 42 จังหวัด

ประชาชนชายขอบ มาฟังการปราศรัย

ได้เดินทางมาปรากฏตัวพร้อมด้วย น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ แกนนำทางการเมืองในฐานะคณะก้าวหน้า ได้เดินทางมาขึ้นเวทีการปราศรัย เพื่อช่วยผู้สมัครนายก อบจ. และสมาชิก อบจ.ฉะเชิงเทรา ที่ลงสมัครในนามของกลุ่มฉะเชิงเทราก้าวหน้า กล่าวปราศรัยหาเสียงบนเวที ท่ามกลางประชาชนที่มารอคอยรับฟังการปราศรัยประมาณ 800 คน

ชวนคนออกมาเลือกตั้ง

ซึ่งเนื้อหาของการกล่าวปราศรัย ส่วนใหญ่ได้นำนโยบายของกลุ่มฉะเชิงเทราก้าวหน้า ที่ได้นำออกมาใช้ในการหาเสียงรวม 8 ข้อเป็นตัวชูนำในการเรียกคะแนนเสียง พร้อมกับการกล่าวปลุกระดมให้คนไทยที่เคยออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งท้องถิ่นเพียงร้อยละ 50 โดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลตามอำเภอชายขอบของ จ.ฉะเชิงเทรา นั้น ออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งในวันที่ 20 ธ.ค.63 นี้ให้มากขึ้นเพื่อล้มล้างระบอบเผด็จการ

แนะนำทีมผู้สมัคร

โดยทั้งสองคน ได้กล่าวหาว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นสืบทอดอำนาจจากเผด็จการมาอย่างยาวนาน และปิดกั้นจำกัดสิทธิ์การใช้สิทธิพลเมืองในการออกเสียงเลือกตั้ง หรือปล่อยให้ผู้นำท้องถิ่นนั้นยึดครองอำนาจอยู่ในตำแหน่งมาอย่างยาวนานถึงกว่า 8-9 ปี โดยที่ไม่ได้มีการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามวาระ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์ออกคะแนนเสียงเลือกตัวแทนเข้าไปนั่งบริหารงบประมาณในท้องถิ่นของตนเองในระดับจังหวัด เพื่อให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดตามความต้องการของประชาชนได้

ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวที

พร้อมระบุว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ คณะก้าวหน้าได้ส่งตัวแทนเพื่อเป็นตัวเลือกจากทางฝ่ายประชาธิปไตยรวม 42 จังหวัด จาก 76 จังหวัดที่มีการเลือกตั้ง และเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความต้องการของประชาชน ที่ต้องการให้เกิดการบริหารงบประมาณท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ตามรูปแบบของระบอบประชาธิปไตย และหากตัวแทนของคณะก้าวหน้าทั้ง 42 จังหวัด ชนะการเลือกตั้งจะถือได้ว่าฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้งตามความต้องการของประชาชน

โผล่แปดริ้ว

และจะบริหารงานงบประมาณในระดับท้องถิ่น ให้แก่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เห็นว่าคณะก้าวหน้านั้นสามารถบริหารงานได้ดีกว่ารัฐบาลจากฝ่ายเผด็จการ โดยที่ทั้งสองคนได้กล่าวอ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยในทำนองเดียวกันอยู่ตลอดเวลา ระหว่างการกล่าวปราศรัย และชี้นำระบุว่าฝ่ายของรัฐบาลยุคปัจจุบันนั้น มาจากระบอบเผด็จการที่มาจากการสืบทอดอำนาจ จาก คสช.

ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ

โดย น.ส.พรรณิการ์ ได้ใช้เวลาในการกล่าวปราศรัยบนเวทีเป็นเวลานาน ประมาณเกือบ 1 ชม. ขณะที่ นายธนาธร ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีเป็นเวลาประมาณ 30 นาที เพื่อเป็นการปิดท้ายเวทีการปราศรัยใหญ่ในวันนี้ โดยระบุว่าก่อนหน้าได้เดินทางไปช่วยผู้สมัครหาเสียงในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก่อนที่จะเดินทางมาช่วยผู้สมัครหาเสียงยังที่ จ.ปราจีนบุรี และมาขึ้นเวทีการปราศรัยที่ จ.ฉะเชิงเทรา ดังกล่าวนี้

เวทีปราศรัยใหญ่

และยังยืนยันด้วยว่าจะเดินทางกลับมาอีก หากผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ชนะการเลือกตั้ง ในเวทีการเลือกตั้งท้องถิ่นในระดับเทศบาล และ อบต.ต่อไป ในช่วงต้นปีหน้าหากมีการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นขึ้นอีก

ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ ชิงออกอาวุธหนัก จัดเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงที่พนมสารคาม

เปิดประวัติ “ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ” ผู้ท้าชิงตำแหน่งนายก อบจ.แปดริ้ว

ไม่เลือกพรรคล้มเจ้า เสียงประกาศกร้าว จากเวทีปกป้องสถาบันที่บางปะกง

เสียงดังลั่น ในเขตเลือกตั้งท้องถิ่นแปดริ้ว คล้ายเสียงปืนแตกต่อเนื่อง 2 นัด

เปิดประวัติ “ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ” ผู้ท้าชิงตำแหน่งนายก อบจ.แปดริ้ว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน