ฉะเชิงเทรา – จูงมือกันข้ามถนน สองตายายออกจากบ้านจะไปรับเบี้ยยังชีพคนชรา สุดท้ายไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ถูกกระบะพุ่งชนขยี้เละคาท้องถนนดับเคียงคู่กัน ขณะชาวบ้านเผยหลังถนนถูกขยายใหม่ทั้งกว้างทั้งใหญ่ ก่อสร้างแล้วเสร็จมาได้เพียง 3 เดือน ทำชาวบ้านผู้คนในพื้นที่เดินทางเข้าออกจากบ้าน ข้ามไปมายากลำบาก ขณะผู้ที่ใช้เส้นทางยังใช้ความเร็วสูง วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างจุดตัดทางข้ามอย่างปลอดภัยให้มากกว่านี้
วันที่ 14 ธ.ค.63 เวลา 08.30 น. ร.ต.ท.ธีรวัต พรประสิทธิ์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีรถยนต์กระบะพุ่งชนคนชราเสียชีวิตคาท้องถนน จำนวน 2 ราย เหตุเกิดที่บริเวณบนถนนสาย 304 สุวินทวงศ์ (ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพฯ) ด้านฝั่งขาเข้ามุ่งหน้ากรุงเทพฯ ก่อนถึงปั้มน้ำมันซัสโก้ประมาณ 200 เมตร พื้นที่ ม.17 ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ
ข่าวน่าสนใจ:
- ค่ายรถยนต์ ผุดบูธเพิ่มช่องทางปั๊มยอดช่วงปลายปี หลังตลาดยังซบยาวต่อเนื่อง
- สยบข่าวลือ สจ.ธรรมชาติ หนีซุกเขมร หลังถูกทนายดังแฉเอี่ยวรีดเว็บพนัน
- จนมุมเพราะไก่ชน!! ตำรวจบางละมุงวางแผนเหนือเมฆ หลอกแก๊งค์ค้ายานรกมาซื้อไก่ชน ก่อนตามรวบยกแก๊งค์ ยึดยาบ้าแสนเม็ด - ไอซ์ 1 กก. พร้อมรถ 2 คัน…
- ปราจีนบุรี ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพ ปั่นปันน้ำใจ ฉะเชิงเทรา-หนองคาย
ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบริเวณทางออกจากหมู่บ้าน และมีช่องลอดขนาดเล็กของแนวแบริเออร์ปิดกั้นร่องกลางถนนสำหรับให้ผู้คนใช้เดินผ่านข้ามถนนใหญ่ได้ ห่างจากช่องลอดไปประมาณ 50 เมตร พบร่างของผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย ลักษณะนอนเรียงรายอยู่บนช่องทางด้านขวาสุด จากทั้งหมด 3 ช่องจราจร และพบเศษกระจังหน้าและชิ้นส่วนของรถยนต์กระบะ เศษชิ้นเนื้อ เศษมันสมองและรอยเลือด รวมถึงหน้ากากอนามัย ปากกา พวงกุญแจบ้าน และรองเท้าของผู้เสียชีวิต จำนวน 2 คู่แบบชายหญิง
ชิ้นส่วนตัวรถและทรัพย์ติดตัวผู้ตาย ปลิวกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นไปทั่วบริเวณ และยังพบไม้เท้าค้ำยันคนชราปลิวไปตกอยู่ติดกับแนวแท่งแบริเออร์ในสภาพคดงอ อีกทั้งยังพบกระเป๋าถือของผู้เสียชีวิตติดไปกับกระจังหน้าของรถยนต์กระบะแบบสี่ประตู ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ฎค-7530 กรุงเทพฯ และไปตกกองอยู่กับพื้นถนน ที่บริเวณจุดที่รถคันเกิดเหตุพุ่งเลยไปจอดนิ่งอยู่ ห่างจากร่างของผู้เสียชีวิตไปอีกประมาณ 40 เมตร
ตัวรถอยู่ในสภาพฝากระโปรงหน้าเปิดฉีกออกพังยับเยิน โดยจุดเกิดเหตุเป็นช่องลอดที่ กม. 71 พอดีทราบชื่อของผู้เสียชีวิตทั้งสองรายต่อมา คือ นางอุทัย เทียนไชย อายุ 83 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/2 ม.17 ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา และนายเจริญ จูดี อายุ 76 ปี ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน จากการสอบถาม นางจุฑามาศ นาคมงคล อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/2 ม.17 ต.นครเนื่องเขต ซึ่งเป็นหลานของนายเจริญ เล่าว่า น้าของตนอยู่กันเพียงลำพัง 2 คนกับภรรยา
โดยไม่มีบุตรด้วยกัน แต่มีบุตรบุญธรรมเป็นชาย ที่ไปทำงานยังที่ กทม. คอยช่วยส่งเสียเลี้ยงดูให้อยู่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาหลังจากตักบาตรพระแล้ว ทั้งสองคนได้พากันออกจากบ้าน ซึ่งอยู่ภายในซอยนี้ เพื่อที่จะเข้าไปในตัวเมืองรับเงินเบี้ยยังชีพคนชรา ยังที่ธนาคารกรุงไทยในตัว จ.ฉะเชิงเทรา โดยทั้งคู่พากันเดินออกมาด้วยการจูงมือตามกันมาเพื่อที่จะไปขึ้นรถสองแถวโดยสารด้านฝั่งตรงข้าม
ซึ่งฝ่ายสามีเป็นคนจูงนำ เนื่องจากน้าสะใภ้นั้นมีอายุมากกว่า จนต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันในเวลาจะเดิน จึงเชื่อว่า ในขณะเกิดเหตุทั้งคู่ได้พากันเดินจูงมือกันข้ามถนนไปอย่างช้าๆ แต่ถนนมีขนาดกว้างมากถึงด้านละ 3 เลน จึงทำให้การเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งนั้น ต้องใช้เวลานาน จนทำให้มีรถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงนั้นเบรกหยุดรถให้ไม่ทันและพุ่งชนจนเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งปกติทั้ง 2 คนนี้ มักจะจูงกันข้ามถนนอยู่เป็นประจำ เพราะนอกจากจะไปรับเบี้ยยังชีพแล้ว ยังต้องพากันไปหาหมอเพื่อพบแพทย์ด้วยกันเดือนละหลายครั้ง นางจุฑามาศ กล่าว
ขณะที่ นายสง่า มูหะหมัด อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/3 ม.7 ต.บางน้ำเปรี้ยว อ.บางนำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา คนขับรถยนต์กระบะ ได้ให้การต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ขับรถออกมาจากบ้านเพื่อที่จะไปยังที่บ้านคลองเจ้า โดยผ่านมาทางถนนสายบายพาสเลี่ยงเมืองบางขวัญ ก่อนจะมาเข้าสู่ถนนสายสุวินทวงศ์เส้นนี้ โดยใช้ความเร็วประมาณ 100 กม.ต่อ ชม. ขับมาบนเลนด้านขวาสุด
เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ มีรถคันอื่นๆ ขับบังเส้นทางอยู่บนเลนด้านซ้ายทั้ง 2 เลน จึงทำให้ตนที่ขับรถมาบนเลนที่ 3 ด้านขวาสุดนั้น มองไม่เห็น 2 ตายายทั้งคู่ ที่กำลังจะเดินข้ามและพุ่งเข้าชนจนเสียชีวิต ดังกล่าว นายสง่า ระบุ
ขณะที่ นายศุภชัย โชคยางกูร อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41/1 ม.17 ชาวบ้านซึ่งมีบ้านเรือนพักอาศัยอยู่ที่บริเวณริมถนนใกล้กับจุดเกิดเหตุ กล่าวว่า หลังจากถนนสายนี้มีการก่อสร้างขยายเส้นทางจากด้านละ 2 ช่องจราจร เป็นด้านละ 3 ช่องจราจร รวม 6 ช่องจราจรแล้วเสร็จมาได้ประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมานั้น ได้ทำให้ผู้ใช้เส้นทางขับรถผ่านด้วยความเร็วสูง
เนื่องจากการสัญจรขับรถผ่านไปได้โดยสะดวก เนื่องจากถนนทั้งโล่งเตียน และผิวถนนเลียบ จึงทำให้ชาวบ้านที่จะต้องข้ามถนนไปขึ้นรถโดยสาร หรือรถรับส่งคนงาน ทางด้านฝั่งตรงข้ามนั้นข้ามได้ไม่สะดวก และไม่ปลอดภัย ทั้งที่มีคนพักอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก เพราะขับรถเร็วกันมาก และขับผ่านอยู่ตลอดเวลา จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางแก้ไข หรือทำทางข้ามที่ข้ามได้อย่างสะดวกและปลอดภัยด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาเคยเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้งแล้ว ตามจุดต่างๆ ที่มีทางข้ามในลักษณะนี้ และบริเวณจุดกลับรถ นายศุภชัย กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: