ฉะเชิงเทรา – รองพ่อเมือง แปดริ้วลงพื้นที่ล้อมคอกสั่งปิดกั้นเส้นทางสาย 3259 เดิมผ่ากลางอ่างเก็บน้ำคลองสียัดทันทีหลัง 3 สาวพร้อม 2 เด็กหญิงพยายามขับเก๋งแหวกกระแสน้ำลัดผ่านข้ามพื้นที่น้ำท่วมกลับบ้าน เผยทั้ง 2 เหตุการณ์ในพื้นที่เดียวกันนั้น เกิดจากความประมาท จนทำให้เกิดความสูญเสียและกลายเป็นโศกนาฎกรรมหมู่มากถึง 6 ชีวิต พร้อมเรียก กก.ศูนย์ป้องกันอุบัติภัยทางถนนสางปัญหาทันที
วันที่ 31 ธ.ค.63 เวลา 16.30 น. นายสรายุทธ แก้วกุลปรีชา รอง ผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางออกจากบริเวณจุดเรือหางยาวล่มที่บ้านท่าคาน พื้นที่ ม.2 ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ในทันที ขณะที่กำลังเดินทางเข้ามาดูแลและอำนวยการในการค้นหาผู้สูญหายในน้ำ ที่ยังค้นหาไม่พบอีก 1 รายเมื่อวันวานนี้ เพื่อมุ่งหน้าเข้ามาดูจนถึงยังในจุดเกิดเหตุ ที่บริเวณทางตัดผ่านลัดข้ามกลางอ่างเก็บน้ำคลองสียัดในทันที
หลังจากได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุโศกนาฎกรรมขึ้นซ้ำ 2 แบบต่อเนื่องภายในบริเวณอ่างเก็บน้ำสียัดเช่นเดียวกันกับจุดเมื่อวานว่า มีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งซึ่งมีหญิงสาวพร้อมเด็กขับมาด้วยกันจำนวน 5 คนถูกน้ำพัดจมหายไป ที่บริเวณบนถนนสาย 3259 เก่า ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้านเมื่อสมัยครั้งอดีตกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ก่อนถูกน้ำท่วมหลังจากการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ขึ้น
จนทำให้มีผู้สูญหายจำนวน 3 ราย และพบว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา 2 ราย ส่วนอีก 1 รายยังค้นหาไม่พบ และอีก 2 รายปลอดภัยแล้วนั้น นายสรายุทธ กล่าวว่า เหตุการณ์การสูญเสียที่เกิดขึ้นซ้ำซากทั้ง 2 เหตุการณ์นี้ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้ ทั้งที่ในวันนี้ตนเองพร้อมด้วย นายเกรียงศักดิ์ มิตรประกอบโชค นายอำเภอท่าตะเกียบ และ ผอ.เจ้าท่าฉะเชิงเทรา รวมถึงมูลนิธิหน่วยกู้ภัยต่างๆ
กำลังลงมาในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือกันในการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุเรือล่มเมื่อวานนี้ ที่ยังคงมีผู้สูญหายอีก 1 รายที่ยังค้นหาไม่พบ แต่ก็ยังได้มีเหตุการณ์โศกนาฏกรรม มีการสูญเสียเกิดขึ้นซ้ำซากอีก ในอ่างคลองสียัดแห่งเดียวกันนี้แบบต่อเนื่อง และติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ทั้งยังอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันอีกด้วย แต่เป็นคนละจุดที่อยู่ห่างไกลกันมาก โดยต้องใช้เวลาในการเดินทางอ้อมรอบอ่างฯ มาไกลถึงกว่า 30 นาทีทางรถยนต์
ในวันนี้จะได้เรียกประชุมคณะกรรมการศูนย์ป้องกันอุบัติภัยทางถนนระดับอำเภอ ให้มาร่วมประชุมกันอย่างเร่งด่วนยังที่ว่าการ อ.ท่าตะเกียบ ในทันทีเวลา 18.30 น. เพื่อวางมาตรการ การแก้ไขปัญหาในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นซ้ำซากอีก โดยในวันนี้จะมีการกำหนดแนวทางลงไปให้ชัดเจน เจ้าหน้าที่ต้องออกดำเนินการในเชิงรุก และต้องอยู่ประจำพื้นที่ จุดที่น่าจะมีความเสี่ยงต่างๆ
โดยพื้นที่ตรงจุดเกิดเหตุแห่งนี้ เป็นพื้นที่ที่ไม่ควรใช้ในการสัญจรอีกแล้ว เนื่องจากมีความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะรถยนต์ขนาดเล็ก ที่ไม่ควรจะเข้ามาเลย ทั้งที่ได้มีชาวบ้านพยายามจะห้ามแล้ว แต่ผู้ที่ขับขี่รถยังไม่รับฟัง โดยอาจจะเกิดจากความประมาทและคาดไม่ถึง ทั้งสองเหตุการณ์จึงสรุปได้ว่าเกิดจากความประมาทเป็นหลัก นายสรายุทธ กล่าว
–สียัดพัดหายซ้ำซากส่งท้ายปีหนูทมิฬ 3 สาวพา 2 ดญ.แหวกกระแสน้ำจมหายทั้งคัน
–ยังไร้วี่แววผู้สูญหาย ทั้ง 2 เหตุการณ์โศกนาฏกรรมข้ามปีในอ่างสียัด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: