ฉะเชิงเทรา – ยังไร้วี่แววผู้สูญหาย ทั้ง 2 เหตุการณ์โศกนาฏกรรมข้ามปีในอ่างเก็บน้ำคลองสียัด ขณะคนหาปลาชาวบ้านในพื้นที่ส่งเสียงร้องห้ามเตือน แต่หญิงสาวคนขับเก๋งยังเมินด้วยความคะนอง ซ้ำเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานฝ่ากระแสน้ำไปต่อจนน้ำม้วนบานมากระทบจนแทบหงายท้อง สุดท้ายหลังเครื่องยนต์ดับไปไม่รอดโบกมือกลับมาขอความช่วยเหลือ ทั้งยังส่งเสียงรำพันบอก “เชื่อยายเมื่อกี้ ก็ดีแล้ว”
วันที่ 1 ม.ค.64 เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุโศกนาฏกรรม 2 เหตุการณ์ร้ายภายในอ่างเก็บน้ำคลองสียัด ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ขณะนี้ทั้ง 2 เหตุการณ์ จนท.อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยพร้อมนักประดาน้ำ ยังคงงมค้นหาผู้สูญหายไม่พบ โดยเหตุการณ์จุดแรกที่เรือหางยาวล่มนั้น นายสรายุทธ แก้วกุลปรีชา รองผู้ว่าฯ จ.ฉะเชิงเทรา ระบุถึงอุปสรรคในการค้นหาว่า
ข่าวน่าสนใจ:
- บ้านใหญ่พรรคเพื่อไทยเชียงราย เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.พร้อมกับนำทีมผู้สมัคร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ทั้ง 36 เขต ในนามพรรคเพื่อไทย
- หมดวาระอบจ.ตรัง รุ่งขึ้น “บุ่นเล้ง” เปิดตัวทันควัน ใช้ชื่อ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” แทน “ทีมกิจปวงชน” ชูนโยบาย “รวมพลังที่ยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนตรังให้เป็น 1”
- นครพนม น้องขวัญ นำทัพกลุ่มนครพนมร่วมใจ เปิดตัว ส.อบจ.นครพนม ทั้ง 30 เขต
- ชาวบ้านยังผวา บ้านสไลด์ตกน้ำบางปะกงตามกัน ไม่กล้าออกไปทำกิน
ตรงบริเวณจุดเกิดเหตุนั้นมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ มีระดับน้ำลึกว่าบริเวณโดยรอบทั้งยังมีต้นไมยราบยักษ์ ขึ้นอยู่บริเวณใต้ผิวน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับในช่วงเวลากลางคืนยังมีสภาพอากาศที่หนาวเย็น จึงทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยุติการค้นหาในเวลากลางคืน เพื่อความปลอดภัยของทีมนักประดาน้ำ สำหรับปัจจัยที่ทำให้เรือล่มนั้นเพราะเรือไม่ได้มาตรฐาน เป็นเพียงเรือชาวบ้านที่ประกอบขึ้นมาใช้ทำประมงพื้นบ้านหาเลี้ยงชีพ
ไม่ได้ใช้สำหรับรับจ้างพาท่องเที่ยว โดยกลุ่มผู้ประสบเหตุที่เดินทางมานั้นเป็นเพียงกลุ่มคนที่รู้จักกัน ที่ต้องการเดินทางไปตกปลาบนเกาะสันดอนกลางน้ำ จึงได้ขึ้นไปบนลำเรือมากถึง 12 คน จนทำให้มีน้ำหนักบรรทุกที่มากเกินไป และตรงจุดเกิดเหตุยังบังเอิญที่เป็นจุดน้ำลึกอยู่เพียงจุดเดียว ทั้งยังมีรัศมีความกว้างไม่มากนัก
ส่วนประวัติของอ่างเก็บนี้แห่งนี้นั้น พอทราบอยู่บ้างว่าเคยมีเหตุการณ์เรือล่มมาแล้วถึง 2 ครั้งแต่นานมากแล้ว แต่จากระยะทางจากฝั่งไปที่เกาะกลางน้ำไม่มากเพียงไม่กี่สิบเมตร และไม่น่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ สิ่งที่เกิดขึ้นจึงอยู่เหนือจากความคาดหมายมาก และในส่วนของความช่วยเหลือจากทางราชการนั้น หลังจากทำสรุปรายงานไปยังนายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา และจะได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้ามาดูแลต่อไป นายสรายุทธ กล่าว
ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 กรณีรถยนต์เก๋งขับฝ่ากระแสน้ำ เพื่อพยายามที่จะข้ามฝั่งไปตามถนนสาย 3259 สายเก่าจากหมู่บ้านเกาะกระทิง ม.13 ไปยังบ้านเขากระดาษ ม.19 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ระหว่างที่มีกระแสน้ำและคลื่นลมแรงนั้น ที่พื้นด้านล่างส่วนใหญ่ยังมีต้นไม้และไมยราบยักษ์ ขึ้นอยู่ใต้ผิวน้ำเป็นจำนวนมากอยู่เช่นเดียวกัน
ด้าน นางหนูเกณฑ์ ศักดิ์พงษ์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 362 ม.7 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านที่กำลังหาปลาซิวบริเวณจุดเกิดเหตุ ในขณะเกิดเหตุการณ์ขึ้นเล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วานนี้ ( 31 ธ.ค.63) ได้มีกลุ่มหญิงสาวพร้อมเด็กรวม 5 คนดังกล่าว ขับรถยนต์เก๋งคันสีดำพุ่งมาตามเส้นทางด้วยความเร็ว เพื่อที่จะมุ่งหน้าฝ่ากระแสน้ำไปทางสะพานข้ามคลองสียัดเก่า กลางอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำท่วมสูง
ซึ่งตนได้พยายามโบกมือเป็นสัญลักษณ์ว่าเส้นทางสายนี้ ไม่สามารถขับรถผ่านไปได้ และยังส่งเสียงร้องบอกในขณะที่คนในรถได้เปิดกระจกออกมามองตนเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ตัวรถกำลังจะผ่านเลยไปจากตรงบริเวณจุดที่ตนยืนอยู่และหันหน้ากลับไปอย่างไม่สนใจต่อคำร้องเตือน และยังได้เร่งคันเร่งเหยียบเพิ่มเติม ในการที่จะขับพุ่งฝ่าคลื่นและกระแสน้ำไปอย่างรวดเร็ว จนเกิดแรงปะทะของน้ำที่ปะทะเข้ากับตัวรถ รถที่พุ่งไปมากระแทกตนที่ยืนอยู่ในระดับน้ำครึ่งหน้าแข้ง ตนเซถลาเกือบล้มหงายท้องลง
จากนั้นพอตัวรถเลยผ่านสะพานไปได้เพียงนิดเดียว จึงถูกน้ำพัด และปลิวลอยไปตามแรงของคลื่นน้ำที่โถมเข้ามาปะทะอยู่ตลอดเวลา โดยที่ตนมองเห็นว่ามีหญิงสาว 1 คนลงมาจากตัวรถก่อน และได้พยายามโบกมือร้องเรียกให้คนช่วย จากนั้นจึงมีคนในรถอีก 2 คนลงมา และได้พยายามช่วยกันพยุงตัวรถ และผลักตัวรถยันกับแรงปะทะของคลื่นน้ำเอาไว้ทั้งคัน
ก่อนที่กระแสน้ำ จะกระแทกพาทั้งรถทั้งคนปลิวลอยไปตามกระแสน้ำทั้งหมด เหลือเพียงหญิงสาวที่ออกมาคนแรกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่บนถนน ก่อนที่จะมีชาวบ้านและหน่วยกู้ภัยฯ เข้าไปพยายามช่วยเหลือคนที่กำลังคอยคออยู่และมีเด็กหญิงวัย 5 ขวบติดอยู่คาซากรถจมน้ำหายไป 1 รายดังกล่าว นางหนูเกณฑ์ เผย
ด้าน นางเหลือ ปานทอง อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96/1 ม.7 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ คนหาปลาอีกราย กล่าวว่า พวกตนได้พยายามร้องบอกและห้ามคนขับแล้วว่าไปไม่ได้ พร้อมกับยังทำมือเป็นสัญลักษณ์ด้วยการใช้ท่อนแขนปาดคอให้ดูว่าอันตราย แต่เขาไม่เชื่อ กลับยังรีบเหยียบคันเร่งใส่ เพื่อให้พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนน้ำกระจาย สุดท้ายพอเครื่องยนต์ดับตัวรถจึงลอยตามน้ำไป และยังได้ยินเสียงเด็กสาวร้องบอกว่า “น่าจะเชื่อยาย เมื่อกี้ก็ดีแล้ว” แต่ก็สายเกินไปแล้ว เนื่องจากตัวรถได้เริ่มลอยออกห่างจากแนวถนนไปไกลและจมลง นางเหลือ กล่าว
–รองพ่อเมือง ลง พท.ล้อมคอก สั่งปิดเส้นทางสายเก่าแหวกสายน้ำกลางอ่างสียัด
–สียัดพัดหายซ้ำซากส่งท้ายปีหนูทมิฬ 3 สาวพา 2 ดญ.แหวกกระแสน้ำจมหายทั้งคัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: