ฉะเชิงเทรา – สำนักสงฆ์อาจารย์ซ่วน แหล่งท่องเที่ยวสุดหลอน แต่ความน่าสะพรึงกลัวกำลังเริ่มหดหายไปจากอดีตเมื่อครั้งตกเป็นข่าวดังเมื่อ 4 ปีก่อน ที่ความหลอนถมึนทึงในป่าดิบของบรรดาเหล่าหุ่นปั้นฝังวิญญาณในสถานที่อันรกร้างถูกเผยแพร่ออกไป ได้ทำให้ผู้คนที่ชื่นชอบในความท้าทายต่างมุ่งหน้าเข้ามาพิสูจน์เพื่อให้เห็นด้วยตาตนกันอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงในวันนี้ความวังเวงแปลกตาชวนขนหัวลุกได้เริ่มจางหายไปจนเกือบหมดสิ้นแล้ว
วันที่ 19 มี.ค.64 เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักสงฆ์ร้างในอดีตเมื่อกว่า 4 ปีก่อน ซึ่งเคยมีอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าลาดใต้ “อาจารย์ซ่วน” ผู้โด่งดังในตำนานด้านการสร้างปลัดขิกเรียกทรัพย์ และการปั้นหุ่นเพื่อประกอบพิธีกรรมเสริมดวงชะตาในด้านต่างๆ ให้แก่คนดังในยุคนั้น ที่ต่างเดินทางเข้ามาเป็นลูกศิษย์จำนวนมากมาย ทั้งนางงามผู้โด่งดังระดับชาติเมื่อกว่า 33 ปีก่อน และเหล่าศิลปิน ดารา ข้าราชการ นักการเมือง และดาวตลก ที่แอบเข้ามาทำพิธีเสริมบารมี
ข่าวน่าสนใจ:
รวมถึงผู้มีชื่อเสียงในสังคมที่ต่างให้ความเคารพนับถือถึงความแก่กล้าและความขลังในพิธีกรรมที่ถูกประกอบขึ้นภายในสำนักสงฆ์แห่งนี้ แต่หลังจากพระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ได้มรณภาพลงด้วยวัย 63 ปีเมื่อ 28 ปีที่แล้ว สำนักสงฆ์แห่งนี้จึงได้ถูกปล่อยทิ้งให้รกร้างมาโดยตลอดเป็นเวลานานถึงกว่า 24 ปีเต็ม นับจากปี 2536 ถึงปี 2560 เนื่องด้วยเป็นสถานที่ส่วนบุคคลที่ทางเจ้าสำนัก ได้ใช้ที่ดินส่วนตัวสร้างขึ้น
ซึ่งเป็นสมบัติของนายวันผู้เป็นบิดาของอาจารย์ซ่วน จำนวน 2 ไร่ ในพื้นที่ ม.5 ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ด้านฝั่งตรงข้ามเยื้องกับวัดท่าลาดใต้ของลำคลองท่าลาด เพื่อหลบเลี่ยงความวุ่นวายจากผู้คนที่ต่างพากันเดินทางมุ่งหน้าเข้ามาหา เพื่อให้ช่วยหาทางแก้ไขคลายทุกข์เกือบตลอดทั้งวัน จนแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อนเป็นการส่วนตัว จนกลายเป็นสถานที่จำวัดอันสงบเงียบ ไร้การรบกวนได้อย่างสมความต้องการของเจ้าสำนัก
เนื่องด้วยในสมัยอดีตการคมนาคมมายังสถานที่แห่งนี้ไม่สะดวก ไม่มีสะพานข้ามคลอง ไม่มีถนนในการเดินทางได้อย่างสะดวกสบายตัดผ่าน แต่สามารถพายเรือข้ามฟากมาจากทางฝั่งวัดท่าลาดใต้ได้เพียงไม่กี่อึดใจ เนื่องจากเป็นสถานที่ตั้งอยู่ด้านตรงข้ามเยื้องกันมาไม่ไกลนัก จึงทำให้บรรดาหุ่นปั้นที่ถูกสร้างขึ้น จากเรื่องราวในวรรณคดี ทั้งความเชื่อทางศาสนา ที่มีทั้งรูปปูนปั้นหุ่นแบบไทย จีน อินเดีย รวมทั้งหุ่นของโจรร้ายผู้มีชื่อเสียงนับร้อยตน เพื่อเสริมดวงพลิกโชคชะตาของบรรดาเหล่าศิษย์พระดังเมื่อครั้งนั้น
ได้ถูกปล่อยทิ้งให้รกร้างมาเป็นเวลานาน ล่วงเลยผ่านไปตามกาลเวลามาถึงกว่า 24 ปีเต็ม สุดท้ายเมื่อช่วงปลายปี 2559 ต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี 2560 จึงได้มีสื่อโซเชียล พร้อมด้วยสื่อกระแสหลักหลายสำนัก รวมถึงสื่อสายนักล่าท้าผี และผู้แสวงหาความดิบเถื่อนชวนสยอง ต่างพากันเข้ามาท้าทายตีแผ่ถึงความน่าสะพรึงกลัว จากความรกร้างของสถานที่ในขณะนั้น และกลายมาเป็นความโด่งดังไปทั่วทั้งวงการสังคมภูตผี จนทำให้สำนักสงฆ์แห่งนี้ถูกพลิกฟื้นคืนชีพ กลับมายืนขึ้นได้อีกครั้ง และกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในปัจจุบันของท้องถิ่น
สอบถามนางสายพิน เจนภูมิเดช อายุ 69 ปี หรือ “ป้าติ่ม” พร้อมด้วยสามีผู้ดูแลสถานที่ร่วมกับพระปลัดนิกร อาภสฺสโร เจ้าอาวาสวัดท่าลาดใต้ เปิดเผยว่า นับจากสำนักสงฆ์แห่งนี้ตกเป็นข่าวดังในครั้งแรกเมื่อเกือบ 5 ปีก่อน ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปโดยรอบอย่างมากพอสมควร และทำให้พื้นที่มีการพัฒนาสู่ความเจริญมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันท่ามกลางสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ที่ยังคงระบาดซ้ำขึ้นภายในประเทศ
แต่ก็ยังคงมีผู้คน นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวชมสถานที่และหุ่นปั้นกันอยู่เป็นระยะ อย่างน้อยวันละกว่า 100 คน และจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงวันหยุดราชการ โดยเฉพาะวันอาทิตย์ และก่อนวันออกเลขสลากกินแบ่งรัฐบาล 1 วันจะมีคนเข้ามามาก ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเข้ามาเพื่อแสวงหาเลขโชคลาภ และขอพรความสำเร็จในด้านต่างๆ ซึ่งได้ช่วยทำให้คนในพื้นที่ อ.พนมสารคาม มีรายได้เข้ามาจากการลุกฟื้นกลับคืนมาได้ใหม่ของสำนักสงฆ์แห่งนี้
สำหรับการพัฒนาพื้นที่ ส่วนใหญ่จะเป็นการซ่อมแซมบูรณะของเก่าที่หักชำรุดและทาสีใหม่ รวมถึงการเคลื่อนย้ายปูนปั้นบางส่วนที่อยู่โดยรอบพื้นที่ ที่ไม่ใช่ที่ดินของสำนักสงฆ์ เนื่องจากเจ้าของที่ดินข้างเคียงติดกันไม่ต้องการหุ่นปูนปั้นเหล่านี้ไว้ในพื้นที่ของตน จึงมีปูนปั้นบางส่วนถูกรื้อทำลายลงไป ต้นไม้ใหญ่ถูกตัดโค่น เช่น ต้นโพธิ์ และองค์พระขนาดใหญ่ ที่สามารถเคลื่อนย้ายเข้ามายังในพื้นที่ได้แต่เพียงแค่เศียร ก่อนนำมาสร้างแท่นคอนกรีตไว้รองรับสำหรับตั้งวางขึ้นมาใหม่ นางสายพิน กล่าว
ด้านพระปลัดนิกร อาภสุสโร วัย 56 ปี เจ้าอาวาสวัดท่าลาดใต้ กล่าวว่า ทางวัดและชาวบ้านผู้ดูแลไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงอะไรในสำนักสงฆ์ไปมากนัก เพียงแต่ได้ทำการบูรณะสถานที่ในส่วนที่ชำรุดทรุดโทรมหรือกำลังจะพังลงไปขึ้นมาใหม่ ให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ดีใช้งานได้ ขึ้นมาทดแทนเท่านั้น แต่ในอนาคตต่อไปได้เตรียมที่จะจัดให้มีตลาดน้ำขึ้นภายในบริเวณวัดท่าลาดใต้ และจะทำสะพานข้ามคลองท่าลาด
เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินข้ามไปยังที่สำนักสงฆ์ร้างเดิมของพระอาจารย์ซ่วน เป็นการช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เข้ามาในพื้นที่อีกทางหนึ่ง แต่ยังติดขัดเกี่ยวกับเรื่องของโฉนดที่ดินอีกเพียงเล็กน้อย ที่ยังคงเป็นชื่อของอาจารย์ซ่วนอยู่ จึงต้องรอการปรับเปลี่ยนแก้ไขต่อไปอีกสักระยะ พระปลัดนิกร ระบุ
ขณะเดียวกัน ระหว่างผู้ดูแลสถานที่ได้นำพาผู้สื่อข่าวเดินเข้าไปเที่ยวชมถึงความเปลี่ยนแปลงใหม่ เมื่อช่วงเย็นวาน (18 มี.ค.64) ก่อนเวลาพลบค่ำ ที่ดูมีความเจริญเปลี่ยนแปลงไปเพิ่มขึ้นมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตาจากเดิม ทั้งการสร้างศาลเจ้าพ่อโคตวย เจ้าแม่โหตีหลังใหม่ ศาลาที่ถูกบูรณะปรับปรุงจนดูใหม่ขึ้น เส้นทางเดินเท้าที่มีการวางแผ่นรองเดิน มีการสร้างศาลให้กุมารแดงใหม่ และการต่อเติมหุ่นปั้นที่เคยหักชำรุดพร้อมทาสีใหม่
ได้ทำให้ความน่าสะพรึงกลัวในอดีต เมื่อครั้งที่เพิ่งเริ่มมีผู้คนเข้ามาค้นพบใหม่เมื่อเกือบ 5 ปีก่อนนั้น ได้เริ่มหดหายไป จนความท้าทายที่เคยเป็นแหล่งท้าพิสูจน์ถึงความสยองขวัญวังเวงจนดูน่ากลัว จากความเชื่อว่าดวงวิญญาณที่เคยถูกนำเอาอัฐิหรือกระดูกผีตายโหง มาบรรจุใส่ไว้ตามคำเลื่องลือเล่าขานบอกต่อกันมาในอดีต ที่ว่าภายในหุ่นปูนปั้นแต่ละตนของอาจารย์ซ่วนนั้น
ได้มีการนำเอากระดูกผีตายโหงมาบรรจุใส่ไว้ระหว่างการประกอบพิธีกรรมปั้นหุ่นเป็นจำนวนมากถึง 242 ตนในสถานที่แห่งนี้ เพื่อเสริมตัวตนของผู้ที่เข้ามาขอให้เกจิดังได้ช่วยเสริมบารมี ตามวิชาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมา เพื่อให้มีฤทธิ์เดชเก่งไปตามอิริยาบถสมมุติของหุ่นแต่ละตนนั้น ได้เริ่มเจือจางลงไปตามความเจริญที่ได้คืบคลานเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนถึงในวันนี้
–ไม่มีผีที่สะพานบางปะกง ความเชื่อที่หลงผิดตามแรงปั่นของนักสร้างกระแส
–เรื่องเล่าชวนสยอง ตำนานหุ่นฝังวิญญาณอาจารย์ซ่วน
–ไม่มีผี! “สะพานบางปะกง” ความเชื่อที่หลงผิดตามแรงปั่นนักสร้างกระแส
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: