X
ตกลงปัญหาไม่ได้

โซเชียลเป็นเหตุ หนุ่มระแวงเมียปันใจปลิดชีพดับคู่ทิ้ง 3 ลูกน้อยเป็นเด็กกำพร้า

ฉะเชิงเทรา – โซเชียลเป็นเหตุ ทำหนุ่มระแวงเมียปันใจให้ชายอื่นก่อเหตุสลดสุดสะเทือนสังคม หลังพากันมาปลิดชีพดับเคียงคู่คาปั้มน้ำมัน ก่อนทิ้งให้ลูกน้อยฝาแฝดวัยเพียง 4 ขวบและ 1 ขวบเศษรวม 3 ชีวิต กลายเป็นเด็กกำพร้าทันที ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของหมู่ญาติ ที่ต่างพากันเดินทางมามุงดูจนถึงยังในจุดเกิดเหตุพร้อมส่งเสียงร้องรำพันระงมอย่างน่าเวทนา

วันที่ 18 เม.ย.64 เวลา 13.30 น. ร.ต.ท.ศุภวัฒน์ มานะชัย รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุมีคนนอนเสียชีวิตอยู่ภายในรถ ที่บริเวณลานจอดรถด้านหน้าร้านกาแฟอเมซอน ภายในปั้มน้ำมัน ปตท. ริมถนนสุวินทวงศ์ กม.ที่ 66 ด้านฝั่งขาเข้า กทม. ตั้งอยู่เลขที่ 36/2 ม.3 ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจประจำตำบลและฝ่ายสืบสวน

ผัวเมียปลิดชีพคาปั้ม

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะตอนเดียว ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน บว-4920 ฉะเชิงเทรา แบบมีโครงหลังคาเหล็กตู้ทึบด้านหลัง ลักษณะเป็นรถขนส่งเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ จอดนิ่งอยู่ที่บริเวณกลางลานจอดรถ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำตำบลวังตะเคียน นำโดย ร.ต.อ.บุญรอด เกตตารมณ์ และ ดต.วะราพร ชาติรัมย์ เดินทางเข้ามาตรวจสอบที่เกิดก่อนเป็นชุดแรก และพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นภายในรถเนื่องจากมีหยดเลือดไหลลงมากองอยู่ที่พื้นคอนกรีตใต้ท้องรถ

สายตรวจตำบลพบความผิดปกติ

และมีร่างของชายและหญิงนอนเอียงข้างทับกันอยู่ภายในรถด้านเบาะซ้าย หลังพบความผิดปกติ ร.ต.ท.ศุภวัฒน์ จึงรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาทราบเป็นลำดับชั้น จากนั้นได้มี พ.ต.อ.ณัฐจักร จันลา ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เดินทางมายังในที่เกิดเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่จากกองกำกับการพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เดินทางมาเก็บรวมรวมพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และร่วมกันชันสูตรพลิกศพพร้อมกับแพทย์เวรจาก รพ.พุทธโสธร

ลานจอดรถกลางปั้ม

จากการสอบสวน น.ส.สุนันท์ พลรักษา อายุ 33 ปี แคชเชียร์ปั้มน้ำมัน พร้อมด้วยเพื่อนคนงานภายในปั้มทราบว่า พบรถคันดังกล่าวขับเข้ามาจอดอยู่ในบริเวณปั้ม ตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. เศษ จนกระทั่งถึงเวลา 22.00 น. ของวันที่ 17 เม.ย.64 วันเดียวกัน ตนเองพร้อมเพื่อนจึงได้พยายามที่จะเข้าไปเคาะกระจกเรียกเพื่อปลุกให้ตื่น เนื่องจากจะทำการกั้นแนวแผงเหล็ก เพื่อปิดการจำหน่ายน้ำมัน แต่คนในรถไม่ยอมตื่น จึงเข้าใจว่าคนขับอาจจะเมาหนัก ก่อนที่จะแจ้งไปยังเจ้าของปั้มน้ำมันให้ทราบไว้

สองผัวเมียตัดช่องหนีปัญหา

ต่อมาในเวลา 13.00 น. ของวันนี้ เมื่อตนเดินทางกลับเข้ามาทำงานกะบ่ายอีกครั้ง ยังพบรถยนต์คันเดิมจอดอยู่กับที่ในจุดเดิม จึงได้เดินไปเคาะกระจกเพื่อเรียกอีกครั้ง แต่คนในรถยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีก จึงได้โทรศัพท์แจ้งไปยังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยทำการตรวจสอบ จนพบว่ามีเหตุยิงกันเสียชีวิตขึ้นภายในรถ ซึ่งในช่วงเย็นวานนี้ ช่วงก่อนพลบค่ำตนเองยังได้ยินเสียงดังคล้ายปืนหรือประทัด ดังขึ้น 2 ครั้ง

ทางออกสุดท้าย

จนมีฝูงนกที่เกาะอยู่โดยรอบปั้มน้ำมันบินหนี แต่เข้าใจว่าชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับปั้มน้ำมันยิงปืนเล่น เนื่องจากมักมีเสียงลักษณะดังกล่าวดังขึ้นเป็นประจำ ที่บริเวณใกล้กับปั้มน้ำมันแห่งนี้ จึงไม่ได้เอะใจ หรือสงสัยอะไร น.ส.สุนันท์ กล่าว

ทูตสังหาร

ด้าน พ.ต.อ.ณัฐจักร จันลา ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา กล่าวว่า จากการสอบปากคำพยานผู้เห็นเหตุการณ์ในปั้มน้ำมัน พบว่าให้ข้อมูลตรงกันกับภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบริเวณปั้ม ที่ปรากฎภาพว่ารถคันนี้ได้ขับเข้ามาจอดในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. จริง ตรงตามที่คนในปั้มให้การ และไม่ได้ขยับเคลื่อนย้ายไปไหน ส่วนสาเหตุยังต้องรอการสอบสวนรายละเอียดอีกครั้ง พ.ต.อ.ณัฐจักร กล่าว

พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี

ขณะที่ นางประภา เพ็งพานิช อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 ม.3 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นมารดาของ นายประพันธ์ เพ็งพานิช อายุ 24 ปี ผู้เสียชีวิตภายในรถ กล่าวว่า บุตรชายทำงานเป็นคนขับรถขนส่งเวชภัณฑ์ให้แก่บริษัทผู้ผลิตน้ำยาล้างไต ซึ่งตั้งอยู่ในแถบตำบลศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่ติดกัน โดยจะขับรถขนส่งสินค้าไปยัง รพ.ต่างๆ ทั่วประเทศ

ญาติร้องระงม

โดยทราบว่ามาในระยะหลัง บุตรชายเริ่มมีปากเสียงกับฝ่ายของ น.ส.พรรณนิดา นุชดี อายุ 28 ปี ภรรยาที่เสียชีวิตภายในรถด้วยกัน หลังจากเมื่อประมาณ 3 วันก่อน บุตรชายได้เห็นว่าภายในโทรศัพท์ของฝ่ายภรรยา มีหนุ่มมาติดพันเกี่ยวข้องด้วยทางสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งที่ทั้งสองคนมีบุตรสาวฝาแฝดวัย 4 ขวบด้วยกัน 2 คน และบุตรชายวัยเพียง 1 ขวบเศษอีก 1 คนด้วยกันแล้ว แต่ไม่ได้เห็นว่ามีปากเสียงทะเลาะอะไรกันอย่างรุนแรง และไม่ได้ใช้กำลังในการตบตีหรือทำร้ายร่างกายกัน

จอดในปั้ม

ซึ่งล่าสุดบุตรชายยังได้ขับรถไปส่งน้ำยาล้างไต ยังที่ รพ.ใน จ.เชียงใหม่ และเพิ่งจะกลับมา โดยเมื่อค่ำวานนี้พบว่าไม่ยอมกลับเข้าบ้าน และเมื่อโทรศัพท์เข้ามาหาแต่ไม่มีคนรับสาย จนมาทราบว่ามีการก่อเหตุดังกล่าวนี้ขึ้น โดยบุตรชายอาจขับรถไปรับทางฝ่ายภรรยาออกมาจากที่ทำงานหลังจากกลับมาจาก จ.เชียงใหม่ ที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.วังตะเคียน ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุนี้ ก่อนที่จะพามาก่อเหตุสลดในครั้งนี้ขึ้น นางประภา กล่าว

โซเชียลเป็นเหตุ

หลังจากเจ้าหน้าที่ทำการเก็บรวมรวมพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในบริเวณที่เกิดเหตุแล้ว พบว่าผู้ตายมีอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อบาเร็ตต้า รุ่นจิ๋ว ไม่มีทะเบียนตกอยู่บนเบาะ 1 กระบอก และพบว่าฝ่ายชายได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่บริเวณโหนกศีรษะ เหนือใบหูขวาของฝ่ายหญิงประมาณ 8 ซม. จนกระสุนทะลุออกไปที่บริเวณหลังใบหูซ้าย 1 นัด ส่วนที่ขมับขวาเหนือใบหูของฝ่ายชายมีรูกระสุนปืนเจาะเข้า 1 นัดทะลุออกเหนือใบหูขวาเป็นแนวราบ

จอดข้ามคืน

และมีหัวกระสุนสีเทาคล้ายตะกั่ว เจาะทะลุประตูรถไปตกยังบริเวณเพิงร้านค้าที่กำลังก่อสร้างใหม่ ห่างจากตัวรถออกไปประมาณ 30 เมตร 1 นัด โดยที่ใต้ท้องรถทางซ้ายใกล้ล้อหน้า พบกองเลือดหยดอยู่ 1 กองใหญ่ จึงเชื่อว่าทางฝ่ายสามีน่าจะไปรับทางฝ่ายภรรยาออกมาจากที่ทำงานหลังเลิกงานในเวลา 17.00 น. และขับรถเข้ามานั่งพูดคุยกันอยู่บนรถภายในปั้ม และอาจพูดคุยกันไม่จบจึงก่อเหตุขึ้น

หัวกระสุนมาตกไกล 30 ม.

ท่ามกลางประชาชนที่สนใจพากันมามุงดูกันเป็นจำนวนมาก จนเต็มรอบพื้นที่เกิดเหตุ รวมถึงญาติของฝ่ายชาย ที่ต่างพากันเดินทางมาเป็นจำนวนมาก และต่างส่งเสียงร้องไห้ระงม พร้อมรำพันกันไปต่างๆ นาๆ ว่าไม่น่าตัดสินใจก่อเหตุนี้ขึ้นเลย เนื่องจากยังมีหลานๆ ซึ่งเป็นบุตรสาวถึง 2 คนบุตรชายอีก 1 คนยังรอคอยอยู่เบื้องหลัง และต้องกลายมาเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ในทันที

ตกห่าง 30 ม.

ชาวบ้านให้ความสนใจแน่น

หนุ่มระแวงเมียปันใจ ขับรถจอดปั้มเคลียร์ปัญหา ก่อนใช้ปืนปลิดชีพดับคู่ ทิ้ง 3 ลูกน้อยกำพร้า

หนุ่มเมืองแปดริ้วระแวงเมียปันใจให้ชายอื่น จ่อยิงดับคารถก่อนยิงตัวเองตายตาม

โซเชียลเป็นเหตุ!! หนุ่มระแวงเมียปันใจปลิดชีพดับคู่ ทิ้ง 3 ลูกน้อยเป็นเด็กกำพร้า

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน