X
ไม่สวมแมสก์ปรับ 2 หมื่น

ตื่นตัวแล้ว แปดริ้วยกระดับเข้มคุมโควิด 19 ไม่สวมแมสก์ปรับ 2 หมื่น

ฉะเชิงเทรา – ตื่นตัวแล้ว แปดริ้วเพิ่งขยับยกระดับมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดโควิด 19 ตามท้ายจังหวัดอื่น ๆ และใกล้เคียง หาก ปชช.ไม่สวมแมสก์ออกจากบ้านมีโทษปรับ 2 หมื่นบาท ทั้งที่การแพร่ระบาดนำโด่งมาก่อนจังหวัดติดกัน ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมสูงถึง 259 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อในกลุ่มแรกจากย่านบันเทิงใน กทม. และคลัสเตอร์ใหญ่ของภาคตะวันออก

วันที่ 26 เม.ย.64 เวลา 18.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ล่าสุด ซึ่งในวันนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 8 ราย จากเมื่อวันวาน (25 เม.ย.64) มีผู้ติดเชื้อ 11 ราย เมื่อวันที่ 24 เม.ย.64 มีผู้ติดเชื้อ 4 ราย และในวันที่ 23 เม.ย.64 มีผู้ติดเชื้อ 14 ราย ทำให้ขณะนี้ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา มีผู้ติดเชื้อจากการระบาดรอบแรก 21 รายเสียชีวิต 1 ราย ระลอก 2 จำนวน 28 ราย และรอบล่าสุดจากสถานบันเทิง 210 รายมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้ป่วยจากต่างพื้นที่เดินทางเข้ามารักษาตัวในจังหวัด

ผู้ว่าแปดริ้ว

ทำให้มียอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 259 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา ได้ออกคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ 19/2564 ลงวันที่ 26 เม.ย.64 เกี่ยวกับมาตรการควบคุมโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติมตามมติที่ประชุมของคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ฉะเชิงเทรา ครั้งที่ 22/2564 เมื่อช่วงเช้าของวันนี้

เพิ่งตื่นตัว

“ให้ประชาชนในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าอย่างถูกวิธีตลอดเวลาที่ออกนอกเคหะสถาน” โดยหากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ซึ่งมาตรการในลักษณะนี้ ได้มีในหลายจังหวัดทั่วประเทศเริ่มประกาศบังคับใช้เพื่อควบคุมการระบาดของโรคมาก่อนหน้าแล้ว เมื่อประมาณ 3 วันก่อน ทั้งที่การระบาดมีความรุนแรงน้อยกว่า จ.ฉะเชิงเทรา เช่น จ.ปราจีนบุรี ซึ่งมีพื้นที่ติดกัน

คำสั่ง19

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่า จากการรายงานข้อมูลไทม์ไลน์ของศูนย์ปฏิบัติการโควิด 19 จ.ฉะเชิงเทรา พบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่นั้นยังคงเป็นกลุ่มของผู้ได้รับการถ่ายทอดหรือได้รับการแพร่เชื้อมาจากกลุ่มผู้ติดเชื้อรายเดิมๆ ที่ได้เข้าไปสัมผัสรับเชื้อโดยตรงมาจากสถานบันเทิงในกรุงเทพฯ และร้านอาหารซึ่งเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ของภาคตะวันออก ย่านนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ก่อนนำมาแพร่สู่คนในพื้นที่

ตรวจพบเชื้อ 26เม.ย.

โดยพฤติกรรมของการแพร่เชื้อส่วนใหญ่นั้น จะเป็นการรวมกลุ่มกันสังสรรค์หรือมีการประชุมสัมมนาร่วมกัน และเดินทางไปเที่ยวด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการแพร่ระบาดจากคนภายในครอบครัว เช่น จากสามีสู่ภรรยาและบุตร และจากบุตรที่เข้าไปท่องเที่ยวในสถานบันเทิงก่อนนำเชื้อกลับมาแพร่สู่ผู้ปกครองและคนในครอบครัว กลุ่มเพื่อนฝูง รวมถึงการแพร่เชื้อกันในสถานที่จัดงาน การทำบุญประเพณี

ไม่สวมแมสก์ ห้ามออกจากบ้าน

นอกจากนี้ยังมีการแพร่เชื้อภายในสถานที่ทำงาน เช่น สถานประกอบการย่านนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิติ ใน อ.แปลงยาว และยังมีการเดินทางไปยังในพื้นที่ต่างจังหวัดอีกด้วย จึงทำให้การแพร่เชื้อกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดยังพบว่ามีชาวต่างชาติซึ่งเป็นผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรมสัญชาติญี่ปุ่นติดเชื้ออยู่ในพื้นที่ด้วย ในแถบ ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา

ออกจากบ้านต้องใส่แมสก์

อีกทั้งในการตรวจหาเชื้อของกลุ่มเสี่ยง ซึ่งเป็นผู้ได้เคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยนั้น มีเป็นจำนวนมากที่ตรวจพาเชื้อในระยะแรกไม่พบ จนต้องมีการตรวจซ้ำมากถึง 2-3 ครั้ง จึงพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อในที่สุด โดยที่บางรายนั้นไม่ปรากฎอาการให้เห็นมาก่อน เป็นระยะเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ ก่อนมีการตรวจพบในภายหลัง

บังคับใส่แมสก์

ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 19.10 น. ทางสำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.ฉะเชิงเทรา เพิ่งทำการเผยแพร่ คำสั่งที่ 20/2564 มาถึงยังผู้สื่อข่าวอีกว่า ทางคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ฉะเชิงเทรา ได้ประกาศใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ เช่น โต๊ะสนุ๊กเกอร์ สนามฝึกซ้อมมวย สนามฝึกการต่อสู้ต่างๆ สนามเด็กเล่นสวนสนุก ร้านเกมส์ สระว่ายน้ำ โรงภาพยนตร์ ฟิตเนท สนามกีฬาในอาคาร กวดวิชา อาบอบนวดสมุนไพรสปา สถานรับเลี้ยงเด็กคนชรา สถานจัดเลี้ยง การสักร่างกาย และศูนย์พระเครื่อง

เหงากันทั้งเมือง โควิดแปดริ้วยังระบาดรุนแรง ทำนิวไฮรอบ3 ยอดรายวันแตะ 26 ราย

เหงาทั้งเมือง! โควิด ‘แปดริ้ว’ ระบาดรุนแรง ทำนิวไฮรอบ 3 ยอดรายวันแตะ 26 ราย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน