ฉะเชิงเทรา-ทางตัน SME โควิด 19 ระบาดซ้ำซาก เดินต่อไปไม่ไหว หันพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นหนทางสุดท้าย หลังเจ้าของที่ดินให้เช่าทำธุรกิจขีดเส้นวันนี้ที่ต้องชำระ เผยชีวิตพลิกผันจาก “เสี่ยแจ็ค” ผู้มั่งคั่งของชุมชน กลับถูกภาวะวิกฤตโรคระบาดเล่นงาน ถาโถมเปลี่ยนแปลงแปรสภาพให้กลายเป็นหนุ่มหมาเมิน ที่ต้องพยายามดิ้นรนอดทน เพื่อหาหนทางไปต่อให้ได้ด้วยใจยังรักในอาชีพ
วันที่ 30 เม.ย.64 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณวัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา หลังมีคำสั่งให้ปิดพระอุโบสถและพระวิหาร งดให้ประชาชนเข้าไปทำบุญสักการะสิ่งศักดิ์หลวงพ่อโสธร ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.64 ถึงวันที่ 13 พ.ค.64 ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ตามหนังสือคำสั่งที่ 1416/2564 ลงวันที่ 29 เม.ย.64 ในนามเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ จ.ฉะเชิงเทรา โดย นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อ จ.ฉะเชิงเทรา ผกก.บริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ข่าวน่าสนใจ:
ในวันนี้ยังคงมีประชาชนหลงเดินทางมากราบไหว้องค์หลวงพ่อโสธรเกือบตลอดทั้งวัน จึงทำให้หลายคนนั้นต่างพากันผิดหวัง ต้องเดินทางกลับไป แต่ยังมีผู้แสวงบุญอีกจำนวนหนึ่ง ที่ยังมีความตั้งใจที่จะมากราบสักการะและขอพรจากองค์หลวงพ่อโสธรให้ได้ ด้วยการนำดอกไม้ธูปเทียน เดินเข้าไปยืนไหว้อยู่ที่หน้าบานประตูพระวิหาร สถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อโสธรองค์จำลองที่เคยเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไปสักการะกราบไหว้
โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับนายธนกฤต พันธ์สิงห์สอน หนุ่มวัย 36 ปี ชาว ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เจ้าของกิจการเอสเอ็มอี (SME) ประกอบธุรกิจประเภทโรงกลึง ที่รับงานผลิตจิ๊กจับชิ้นงานของเครื่องจักร ป้อนให้แก่บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงอะไหล่เครื่องจักรกล ตั้งอยู่เลขที่ 10/2 ม.3 ต.มาบไผ่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ส่งให้แก่โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร
ที่ได้เล่าระบายทุกข์ให้แก่ทางผู้สื่อข่าวฟังว่า ในวันนี้ได้ตั้งใจที่จะมากราบไหว้ขอพรจากองค์หลวงพ่อโสธร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองใน จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อขอให้ช่วย ให้ตนมีหนทางไปมีผู้หลักผู้ใหญ่หรือคนมีเงินทุนยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือ เนื่องจากในวันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายแล้ว ที่โรงงานของตนกำลังจะถูกเจ้าของที่ดิน ที่ตนทำการเช่าดำเนินกิจการอยู่จำนวน 2 ไร่ จะนำกุญแจมาทำการล็อกประตูไว้ หากตนยังไม่มีเงินจำนวน 7.2 หมื่นบาทไปจ่ายค่าเช่าให้แก่เขาภายในวันนี้
ทั้งที่ธุรกิจโรงกลึงของตนนั้นเคยเจริญรุ่งเรืองมา เมื่อกว่า 3-4 ปีก่อน จนมีคนรู้จักอย่างกว้างขวางใน ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี และหลายคนต่างพากันเรียกตนว่าเสี่ยแจ็ค ต่อมาในปี 2562 ก่อนเข้าสู่ปี 2563 ตนได้ทำการขยายกิจการโดยย้ายสถานที่ออกไปจากโรงกลึงให้เช่าใน อ.พานทอง ไปเช่าที่ดินแห่งใหม่เพื่อทำการก่อสร้างเป็นอาคารโรงงานในพื้นที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี โดยได้ใช้เงินลงทุนไปหลายล้านบาท
โดยมีการลงเครื่องกลึง เครื่องซีเอ็นซี เครื่องมิลลิ่ง และเครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจนครบ เป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท จากนั้นกลับต้องมาประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของโรคโควิด 19 ระบาด เมื่อช่วงต้นปี 2563 ทำให้ออเดอร์จากลูกค้าลดน้อยลง เนื่องจากทางโรงงานที่เคยสั่งซื้อเขาส่งออกไม่ได้ หรือบางแห่งได้หยุดดำเนินกิจการไป แต่ยังพอที่จะหารายได้รับงานอื่นๆ เพื่อเลี้ยงคนงานที่ยังเหลืออีก 8 คนจากเดิมกว่า 30 คนมาได้หลังจากการระบาดในครั้งแรกเริ่มดีขึ้น
แต่ต่อมากลับมีการระบาดของโรคครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ซ้ำเติมเข้ามาอีกต่อเนื่อง จนทำให้ธุรกิจของตนไปต่อไม่ได้ ทั้งที่ยังพอมีงานเข้ามาอยู่และมีคำสั่งซื้อหรือพีโอ จากลูกค้าเข้ามาเป็นระยะ แต่ตนนั้นไม่มีเงินทุนที่จะเดินต่อไปในระยะยาว เพื่อให้ผ่านพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้ไปให้ได้ ซึ่งหากสถานการณ์ดีขึ้นตนยังเชื่อว่าธุรกิจของตนยังไปต่อได้ แต่ต้องการเงินทุนเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงภาวะวิกฤตเท่านั้น
ในวันนี้จึงได้เดินทางมาขอพรจากสิ่งศักดิสิทธิ์หลวงพ่อโสธร ได้ช่วยให้เกิดปาฏิหาริย์ โดยขอให้มีผู้ใหญ่ใจดีหรือผู้ที่มีเงินทุน ได้ยื่นมือนำเงินเข้ามาช่วยเหลือสัก 1 ล้านบาท เพื่อที่จะเดินหน้าต่อไปให้ได้ นายธนกฤต กล่าว
และยังเล่าต่อไปอีกว่า จากผลกระทบล่าสุดมาจนถึงวันนี้แล้ว ลูกน้องหรือพนักงานในบริษัทของตนนั้น พวกเขายังไม่รู้ชะตากรรมกันเลยว่า ในวันพรุ่งนี้เข้าอาจจะไม่มีงานทำแล้วก็ได้ทั้ง 8 ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ รวมถึงคนในครอบครัวของพวกเขาด้วย เพราะตนยังไม่ได้บอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นให้แก่พนักงานในโรงงานทราบ เพราะเกรงว่าเขาจะเสียขวัญกำลังใจ โดยที่ผ่านมาตนได้พยายามที่จะดิ้นรนไปหาขอกู้ยืมเงินแล้ว แต่ยังเข้าไม่ถึงคนที่มีเงินจริงๆ สักที จึงไม่รู้ว่าจะไปต่อได้ทางไหน คงต้องรอเพียงปาฏิหาริย์จากหลวงพ่อโสธรเท่านั้น
ปัจจุบันตนและภรรยารวมทั้งบุตรชายบุตรสาว ทำแม้กระทั่งลงไปเดินขายกล้วยปิ้งตามสี่แยกไฟแดงที่ดอนหัวฬ่อ เพื่อหาเงินมาจ่ายให้แก่ลูกน้องคนงานในโรงกลึงและประทังชีวิตในภาวะวิกฤต ขณะนี้ตนไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อนมให้ลูกชายวัย 4 ขวบกิน และยังไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอม และมอบตัวบุตรสาววัย 6 ขวบที่กำลังจะเข้าเรียน ป.1 เมื่อก่อนเงินจำนวน 2 พันบาทนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับตน แต่ปัจจุบันนี้ถือว่ามีค่าสำหรับตนเป็นอย่างมาก
จากเดิมที่ผู้คนในแถบดอนหัวฬ่อนั้น ต่างรู้จักตนในนาม “เสี่ยแจ๊คดอนหัวฬ่อ” แต่ปัจจุบันกลับถูกคนที่เคยรู้จักกันจำนวนมาก ต่างพากันหมางเมินเหินห่างออกไปทั้งที่เมื่อครั้งก่อนที่ตนเคยมั่งมี ได้เคยช่วยเหลือผู้คนเอาไว้มากมาย แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังได้พยายามที่จะยื่นมือช่วยเหลือตนอยู่บ้างตามกำลังของเขา แต่ไม่มากนัก อดีตเสี่ยแจ๊ค กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากเหตุการณ์ระบาดของโรคโควิด 19 เกิดขึ้นซ้ำซาก จนเกิดความเสียหายต่อธุรกิจจนได้รับผลกระทบขนาดนี้อยากจะโทษใครไหม นายธนกฤต ตอบว่า ตนไม่อยากโทษใคร ได้แต่ทำใจยอมรับสภาพ และยังคงคิดหาหนทางแก้ปัญหาเพื่อให้ธุรกิจไปต่อให้ได้อยู่ตลอดเวลา เมื่อถามว่าอยากให้รัฐบาลช่วยเหลืออะไรบ้างไหม เขาตอบว่า อยากให้รัฐบาลมองมาที่ธุรกิจ SME บ้างในการเยียวยาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด 19
เนื่องจากผู้ประกอบการที่กำลังประสบปัญหา อาจเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน ประกอบกับสภาพบ้านเมืองยังเป็นอย่างนี้ ตนก็เข้าใจว่ารัฐบาลอาจกำลังมีภาระที่จะต้องแก้ไขปัญหาอยู่ จึงไม่อยากที่จะเข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรมากนัก โดยอยากจะขอให้มีใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วยให้รอดพ้นจากวิกฤติในครั้งนี้ให้ผ่านไปได้ก่อน แต่ยังไร้วี่แววและหนทาง โดยที่เราไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินหรือคนมีเงินทุนได้
โดยที่ผ่านมาตนนั้นยังได้พยายามดิ้นรน หันไปทำงานรับเหมาก่อสร้างต่อเติมบ้านด้วย เพื่อหวังจะทำทุกอย่างให้อยู่รอด แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงทำให้มีงานไม่มาก จนในบางครั้งยังเคยคิดอยากจะไปขอพึ่งความช่วยเหลือจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าไปถึงเขาได้อย่างไร โดยทางภรรยาก็เตือนว่า เขาไม่รู้จักเราหรอก หากอยากไปหาเพื่อให้เขาช่วยก็คงเข้าไม่ถึง จึงถูกทางฝ่ายภรรยาห้ามปรามไว้ นายธนกฤต กล่าว
–ลุกลามรุนแรง ที่แปดริ้วโควิด 19 ระบาดหนักทำยอดพุ่งสูง ทุบสถิติ 32 รายต่อวัน
-ลุกลามรุนแรง! ‘แปดริ้ว’ โควิดระบาดหนัก ยอดพุ่งทุบสถิติ 32 รายต่อวัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: