ฉะเชิงเทรา – ใหญ่แค่ไหน ก็ละลายกลายเป็นเพียงผงธุลีได้ภายในเวลาไม่เกิน 2 ชม. สัปเหร่อผู้เผาศพเหยื่อโควิด 19 เตือนสติคนที่ยังแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นให้ร้ายป้ายสีกัน สร้างความวุ่นวายในสังคมจนประเทศชาติไม่เดินหน้า บอกพอตายแล้วก็ไม่เหลืออะไร และยังไม่ได้อะไรติดมือไป แม้แต่งานสวดพระอภิธรรมศพรวมหมู่ญาติร่วมไว้อาลัย ก็ยังไม่มีโอกาสได้จัด เช่น พิธีศพของผู้ป่วยและเสียชีวิตลงด้วยโรคโควิด 19 ซึ่งล่าสุดเมืองแปดริ้วมีเสียชีวิตเพิ่มรวม 6 รายแล้ว
วันที่ 13 พ.ค.64 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายประเสริฐ องอาจ หรือทิดจั่น อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.7 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา สัปเหร่อผู้มาปฏิบัติหน้าที่ทำการฌาปนกิจศพให้แก่ผู้ป่วยด้วยโรคโควิด 19 ภายในบริเวณเมรุของวัดอุดมมงคล หรือวัดหลวงพ่ออุตตมะ ตั้งอยู่พื้นที่ ม.4 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นเหยื่อของโรคร้ายรายล่าสุดที่เพิ่งเสียชีวิตลงเมื่อคืนที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา
โดยระหว่างที่กำลังเฝ้ารอเพลิงเผาไหม้ร่างของเหยื่อโควิด 19 อยู่ภายในเชิงตะกอน นายประเสริฐ ได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าวว่า คนเราเกิดมาแล้วก็มีอยู่เท่านี้ พอตายแล้วก็ถูกนำมาเผาทิ้งโดยที่ไม่ได้มีอะไรติดมือไป เพราะคนเราเมื่อเกิดมาก็มีแต่ตัวมา แต่พอเสียชีวิตหรือตายลงก็เอาอะไรติดมือไปไม่ได้ ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหน จะร่ำรวยสักเท่าใด สุดท้ายก็ต้องถูกนำมาเผาทิ้งแบบนี้เหมือนกันหมด
จึงอยากจะบอกกับคนที่ยังอยู่ว่า จะแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันไปทำไม พอสุดท้ายก็ต้องถูกนำมาเผาทิ้งกลายเป็นผงธุลีภายในเวลาเพียงแค่ 1 ชม.ก็ไม่เหลืออะไรแล้วสำหรับคนรูปร่างเล็ก ส่วนคนที่มีร่างกายใหญ่โตหรือมีลักษณะอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี ก็จะใช้เวลาในการเผาละลายลงไปในกองไฟไม่เกิน 2 ชม. เท่านั้น และสำหรับศพนี้เป็นชายวัย 71 รูปร่างค่อนข้างท้วมใช้เวลาเพียง 1 ชม. 15 นาทีเท่านั้น จากเมื่อเวลา 13.00 น.-14.15 น. ก็ถูกเผาไหม้ไปจนหมดไม่มีอะไรเหลือเลย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวโรคโควิด 19 ไหม ที่มารับหน้าที่เผาศพเหยื่อโควิดแบบนี้ ทิดจั่นตอบว่า ไม่กลัวหรอกเพราะเขาห่อมาให้เราอย่างดีด้วยถุงห่อศพมีซิบรูดถึง 4-5 ชั้น และเขาก็ยังเอาใส่โลงมาด้วยพร้อมกับยังได้นำขึ้นไปวางไว้ให้บนเชิงตะกอนบนเมรุเลย โดยที่เราไม่ได้แตะต้องอะไรกับศพทั้งสิ้น ทั้งยังมีการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อตลอด เราก็ทำหน้าที่แค่เปิดเตาเผาและรอดูจนกว่าศพจะถูกเผาไหม้ไปจนหมดเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรที่น่ากลัวเลยทั้งสิ้น
ก็ขอให้ดูไว้ว่า คนเราเกิดมานั้นไม่แน่นอน บางคนแม้แต่พิธีตั้งสวดพระอภิธรรมศพก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำ ไม่มีโอกาสได้ทำบุญไปตามขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีของคนไทยอย่างครบถ้วน สำหรับศพนี้ก็มีญาติมาเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น ที่เดินทางมาร่วมในพิธีสวดหน้าไฟ ซึ่งน่าจะเป็นภรรยา เนื่องจากเป็นหญิงสูงวัย 1 คน โดยมีชายหนุ่มวัยประมาณ 20 ปีเศษ 1 คน และหญิงวัยไม่เกิน 30 ปีอีก 2 คนเท่านั้นที่เดินทางมาร่วมในพิธีวันนี้ นายประเสริฐ กล่าว
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ยังคงมีอัตราของการติดเชื้อสูงขึ้นและลดต่ำลงแบบสวิง หลังจากการระบาดได้พุ่งขึ้นสูงสุดไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค.64 จำนวน 35 ราย ซึ่งเป็นนิวไฮครั้งหลังสุด จากนั้นได้เริ่มลดระดับความรุนแรงลงมาเหลือ 15 รายในวันที่ 6 พ.ค.64 ก่อนจะขยับขึ้นไปอีกเป็น 25 รายในวันที่ 7 พ.ค.64 และลดต่ำลงมาที่ 6 ราย เมื่อวันที่ 8 พ.ค.64 และลดลงไปอีกในวันที่ 9 พ.ค.64 โดยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเพียง 5 รายต่อเนื่อง 2 วันจนถึงวันที่ 10 พ.ค.64
จากนั้นได้กลับมาพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเป็น 18 รายเมื่อวันที่ 11 พ.ค.64 และลดลงมาที่ 9 ราย เมื่อวานนี้ 12 พ.ค.64 ส่วนในวันนี้ 13 พ.ค.64 กลับไปมียอดเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 17 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมทั้งจังหวัด นับตั้งแต่การระบาดครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มี.ค.63 รวม 546 ราย จากการระบาดรอบสนามมวย 21 ราย จากรอบแพปลา 28 ราย และล่าสุดรอบสถานบันเทิง 497 ราย
มีผู้เสียชีวิตจากการระบาดครั้งแรก 1 ราย และครั้งล่าสุด 5 ราย รวมมีผู้เสียชีวิต 6 ราย โดยเป็นคนในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา 4 ราย รายแรกเป็นหญิงวัย 43 ปี ซึ่งเดิมป่วยด้วยโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตนเอง (SLE) รวมถึง ความดัน เนื้องอกในมดลูกและไตเสื่อมอยู่ก่อนแล้ว มีอาชีพค้าข้าวแกงอยู่ในโรงงาน เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 เม.ย.63 ซึ่งถือเป็นรายที่ 33 ของประเทศในขณะนั้น และถูกนำไปฌาปนกิจยังที่วัดชำป่างาม พื้นที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา
รายที่ 2 เป็นหญิงสูงวัย อายุ 76 ปี ซึ่งป่วยติดเตียงมาก่อนหน้าแล้ว เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 พ.ค.64 ที่ รพ.พุทธโสธร และถูกส่งมาฌาปนกิจยังที่วัดอุดมมงคลแห่งนี้ ส่วนรายที่ 3 เป็นชายอายุ 48 ปี มีอาชีพเป็นนักการเมืองท้องถิ่น (ส.อบต.) ไม่ยินยอมเข้าสู่ระบบการรักษาอาการป่วยในสถานพยาบาลมาตั้งแต่ต้น แต่ได้ไปเสียชีวิตลงยังที่ รพ.พุทธโสธร เมื่อมีอาการหนักมากแล้วในวันเข้ารับการรักษา เมื่อ 5 พ.ค.64 ถูกนำไปทำการฌาปนกิจยังที่วัดบางปรงธรรมโชติการาม ใน ต.บางพระ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
และรายที่ 4 นั้นเป็นหญิงลักษณะทอมบอยวัย 42 ปี มีอาชีพค้าขายอาหารและยาสัตว์น้ำ ในพื้นที่ ต.ปากน้ำ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา โดยไม่ยินยอมไปเข้ารับการรักษาอาการหลังป่วยจนเสียชีวิตลงในที่สุด เมื่อวันที่ 9 พ.ค.64 ภายในห้องพัก ก่อนตรวจพบมีเชื้อของโรคโควิด 19 ในร่างกาย หลังจากการเสียชีวิตลงแล้ว และได้ถูกนำร่างมาทำการฌาปนกิจยังที่วัดหัวสวน ต.เสม็ดใต้ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
ส่วนผู้ป่วยจากนอกพื้นที่ แต่ถูกส่งเข้ามาทำการรักษายังใน รพ.พื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั้น รายแรกเป็นหญิงไม่ทราบประวัติและวิธีการปลงศพ เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 22 เม.ย.64 ส่วนรายที่ 2 คือชายวัย 71 ปีรายนี้ ที่เพิ่งเสียชีวิตลงเมื่อคืนที่ผ่านมา และถูกนำมาทำการฌาปนกิจศพยังที่วัดอุดมมงคล ในวันนี้เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ผ่านมา
–ฟ้าหลังฝน เริ่มเห็นสัญญาณดีโควิดแปดริ้วระบาดลดลงต่อเนื่อง 2 วัน
–คลัสเตอร์คนป่า ไม่ปรากฏอาการแม้แต่รายเดียว แต่ผลตรวจพบเชื้อยกโขยง 19 คน
–แปดริ้วตายอีก 1 หลังป่วยโควิดไม่ยอมไป รพ. ก่อนทรุดหนักรักษาไม่ทัน
–ไม่ใช่คนดัง ไม่มีเมรุเผาศพหลังป่วยโควิด 19 ตายญาติวอนสื่อหาทางช่วย
–สัญญาณดี! โควิด ‘แปดริ้ว’ ระบาดลดลงต่อเนื่อง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: