ฉะเชิงเทรา – ยาต้านไวรัส ฟาวิพิราเวียร์ที่แปดริ้วใกล้หมดสต็อก สวนทางผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ที่ยังทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นรายวัน ล่าสุดตายเพิ่มอีก 2 ราย ขณะนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา วอนรัฐบาลช่วยปลดล็อกปล่อยอิสระ อปท. จัดหาซื้อยาต้านไวรัสและวัคซีนป้องกันโรค ร่วมแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคให้แก่ประชาชนในพื้นที่ของตนเองได้
วันที่ 30 พ.ค.64 เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ว่า จากการที่ได้ร่วมปรึกษาพูดคุยกันกับทาง นพ.มณเทียร คณาสวัสดิ์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ฉะเชิงเทรา (สสจ.) พร้อมด้วย ผอ.โรงพยาบาลหลายแห่ง ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ในการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั้น
ข่าวน่าสนใจ:
ได้รับข้อมูลว่าขณะนี้ยาฟาวิพิราเวียร์ หรือยาต้านไวรัสที่นำมาใช้ในการักษาโรคโควิด 19 ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เริ่มมีปริมาณเหลือน้อยลงมากแล้ว เนื่องจากได้รับการจัดสรรมาให้ในปริมาณที่ค่อนข้างน้อยมาก ซึ่งสวนทางกันกับจำนวนของผู้ป่วยในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้มีมากกว่า 1 พันรายแล้ว จึงอยากวิงวอนขอให้ทางรัฐบาลได้ช่วยจัดสรรยาฟาวิพิราเวียร์ ส่งมาให้แก่ทางสำนักงานสาธารณสุข จ.ฉะเชิงเทรา เพิ่มเติมด้วย
เนื่องจากตนมีความเป็นห่วงกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโรคในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาว จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากนี้ไป ขณะที่ทาง อบจ.ฉะเชิงเทรา สามารถให้การสนับสนุนต่อทางหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ได้เพียงในเชิงของการป้องกัน เช่น การสนับสนุนน้ำยาฆ่าเชื้อ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และหน้ากากป้องกันการแพร่เชื้อเท่านั้น
โดยไม่สามารถที่จะใช้เงินงบประมาณท้องถิ่นมาทำการสนับสนุนในการจัดหาซื้อยาต้านไวรัส หรือวัคซีนในการป้องกันโรคได้ เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ และทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่รับวินิจฉัยกรณีปรึกษาความเห็นทางกหมาย ตามที่สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย และ สมาคม อปท.อื่นๆ รวม 3 สมาคม ขอให้พิจารณาให้ความเห็นในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19
อีกทั้งจากคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามความเห็นของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจากหนังสือด่วนที่สุด ที่ มท.0808.2/ว.252 นั้นยังชี้ว่า อปท. ไม่สามารถจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด 19 ได้เองจากผู้ผลิตโดยตรง นอกจากนี้ยังมีหนังสือมาจาก นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามหนังสือด่วนที่สุด ที่ ผผ 0902/303 ลงวันที่ 1 ก.พ.64 ว่าภาครัฐเท่านั้นที่จะดำเนินการจัดซื้อและบริหารวัคซีนกระจายวัคซีนตามแผนการบริหารจัดการวัคซีนได้
ทั้งที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนได้มีความพยายามที่จะจัดหาซื้อวัคซีน มาฉีดให้แก่พี่น้องประชาชนแล้วก็ตาม เนื่องจากทางอธิบดีกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีคำสั่งมาอย่างเด็ดขาดว่าห้ามไม่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซื้อวัคซีนป้องกันโควัน 19 โดยเด็ดขาดจึงไม่สามารถทำได้ ซึ่งหากสามารถทำได้แล้วตนเองก็พร้อมที่จะจัดสรรงบประมาณ ในการหาซื้อมาฉีดให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างแน่นอนในทันที นายกิตติ กล่าว
และกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันทางสำนักงาน อบจ.ฉะเชิงเทรา ได้มีการตั้งกองสาธารณสุขขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่มี ผอ.หรือหน่วยงานใดโอนเข้ามาสังกัด แต่หากทาง อบจ.มีอำนาจหน้าที่ ที่สามารถจัดหาซื้อวัคซีนและยาต้านไวรัสเองได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายหรือคำสั่งคำวินิจฉัยใด ตนก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนหรือจัดหาซื้อมาให้แก่ รพ.สต.ในแต่ละตำบล ทำการฉีดให้แก่ประชาชนในทันที
แต่ปัจจุบันสามารถทำได้เพียงแค่การให้การสนับสนุนอุปกรณ์เพื่อป้องกัน ที่ยังคงมีการร้องขอกันเข้ามาอย่างมากมาย จาก อปท.ในระดับตำบลทั้ง อบต. และเทศบาล จนทำให้การจัดหาซื้อมาให้ยังทำได้ไม่ทัน จึงอยากขอร้องประชาชนชาว จ.ฉะเชิงเทรา ว่า หากไม่มีความจำเป็นต้องออกจากบ้าน ก็ขอให้อยู่แต่กับบ้านไปก่อน หากมีความจำเป็นจริงๆ แล้วเท่านั้น จึงจะออกจากบ้านไปทำธุรกิจ เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเราเอง และคนในครอบครัวด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากอะไรไปถึงยังทางรัฐบาลบ้าง นายกิตติ บอกว่าอยากให้ช่วยปรับปรุงแก้ไขข้อกำหนด หรือระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ อปท.สามารถจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์และวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ได้เอง ซึ่งตนเองนั้นยินดีที่จะให้การสนับสนุนในการจัดสรรงบประมาณไปช่วยเหลือหน่วยงานต่างๆ จัดซื้อมาให้กับพี่น้องประชาชน นายกิตติ กล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ล่าสุดในวันนี้ว่าศูนย์ข้อมูลข่าวสารโควิด 19 จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีการรายงานยอดจำนวนผู้ติดเชื้อในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ยังคงมีอัตราการติดเชื้อที่สูงขึ้น และยังทำลายสถิติสูงสุดซ้ำอีกอย่างต่อเนื่อง ที่จำนวน 201 ราย โดยเป็นการระบาดภายในเรือนจำ 97 ราย และผู้ป่วยภายนอก 104 ราย จากเดิมที่เคยมียอดการระบาดสูงสุดเมื่อวันที่ 28 พ.ค.64 จำนวน 147 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 รายในวันนี้
ทำให้ จ.ฉะเชิงเทรา มีจำนวนผู้ป่วยสะสมมากถึง 1,545 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 11 ราย จากการระบาดระลอกแรก 21 รายเสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยจากการระบาดระลอกสอง 28 ราย และมีผู้ติดเชื้อจากการระบาดครั้งล่าสุดมากถึง 1,496 ราย เสียชีวิต 10 ราย โดยที่ยังคงมีผู้ติดเชื้ออยู่ในระหว่างการรักษาจำนวน 964 ราย ท่ามกลางสถานการณ์ที่ “ยาฟาวิพิราเวียร์” กำลังมีปริมาณในสต็อกเหลือน้อยลงในขณะนี้
–แปดริ้วดับเพิ่มอีก 1 เรือนจำยังครองแชมป์ยาวติดเชื้อเพิ่ม 79 ราย
–ลามไม่หยุด เรือนจำแปดริ้วติดเชื้อวันเดียว 71 รายดันยอดรวมทั้งจังหวัดพุ่ง 1,118 ราย
–ยังลามหนัก!! เรือนจำแปดริ้ว พบผู้ต้องขังติดโควิดเกือบสองเท่าตัว วันเดียว 122 ราย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: