ฉะเชิงเทรา – หัวร้อน ปาดหน้า ท้าทาย ทำเหตุบานปลายเป็นเรื่องยาวบนท้องถนน ระหว่างรถบรรทุกหัวลากกับรถยนต์กระบะ 2 คัน ที่ขับปาดกันไปมานับ 10 กม. สุดท้ายไปต่อกันแบบยาวๆ ได้อีกที่โรงพักท่ามกลางการจราจรที่กำลังแออัดยามเช้าย่านบางปะกง เบื้องต้นต่างฝ่ายต่างยังอ้างผิดโยนใส่กันให้อีกฝ่ายรับเป็นชนวนต้นตอของการก่อเหตุขาดมารยาทของการใช้รถใช้ถนน
วันที่ 7 มิ.ย.64 เวลา 06.30 น. ร.ต.อ.ไกรศักดิ์ เฉยฉิว รอง สวป.สภ.บางปะกง ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรงานป้องกันและปราบปราม สภ.บางปะกง ได้รับแจ้งให้ตรวจสอบเหตุรถยนต์บรรทุกจอดทะเลาะวิวาทกับรถยนต์กระบะจำนวน 2 คัน อยู่กลางท้องถนน ที่บริเวณก่อนถึงทางแยกเข้าสู่ถนนมอเตอร์เวย์ สาย 7 บนเส้นทางสาย 314 ฉะเชิงเทรา-บางปะกง ด้านฝั่งขาเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทรา พื้นที่ ม.5 ต.ท่าสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จึงนำกำลังสายตรวจเดินทางไปตรวจสอบยังในที่เกิดเหตุจำนวน 3 นาย
ข่าวน่าสนใจ:
ที่เกิดเหตุพบทั้งสองฝ่ายยังคงมีท่าทีที่จะก่อเหตุทำร้ายกัน โดยมีกลุ่มชายหญิงจำนวน 4-5 คน กำลังพยายามดึงประตูรถ และเรียกคนขับรถบรรทุกให้ลงมาจากตัวรถ และพยายามร้องตะโกนต่อว่าคนขับที่ปิดกระจกนิ่งเงียบอยู่แต่ภายใน เนื่องจากเห็นว่าอีกฝ่ายมีคนมาด้วยกันจำนวนมาก ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะขอกำลังเสริมจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงอีกจำนวน 5 นายนำโดย ร.ต.อ.อาทิตย์ ชินวงศ์ รองสารวัตรจราจร มาช่วยควบคุมสถานการณ์
เมื่อมีกำลังเจ้าหน้าที่มาในที่เกิดเหตุจำนวนมาก นายคำพันธ์ ดำเนินงาม อายุ 30 ปี ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จึงยอมลงมาจากรถ โดยกล่าวอ้างว่า ขณะเกิดเหตุระหว่างที่ขับรถกึ่งพ่วงบรรทุกอาหารสัตว์ (อาหารไก่) หมายเลขทะเบียนหัวลาก 89-4873 นครราชสีมา หางพ่วง 89-4874 นครราชสีมา มาจากแหลมฉบัง จ.ชลบุรี มุ่งหน้าบ้านคลองรั้ง อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี เมื่อใกล้จะถึงสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง ได้ขับรถเบี่ยงหลบหลุมออกจากเลนซ้ายสุดเข้ามายังในเลนด้านขวาตรงกลาง
ซึ่งมีรถกระบะของคู่กรณีขับตามมาอยู่บนถนน จากนั้นรถคันของคู่กรณีจึงได้ขับแซงขึ้นมาปาดหน้า ตนจึงได้เปิดไฟหน้ากระพริบ และชะลอรถเพื่อชะโงกมองดูว่ามีสิ่งของบนรถตกลงไปใส่รถคันของคู่กรณีหรือไม่ ก่อนที่จะขับรถมาจนถึงบริเวณด้านหน้าโรงพัก สภ.บางปะกง ยังเห็นรถยนต์กระบะของคู่กรณีทั้งสองคันจอดรถอยู่ที่หน้าร้านไก่ย่าง บริเวณทางแยกร้านอาหารเก้าหลวง (เดิม) และเมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่ถนน 314 ยังถูกฝ่ายคู่กรณีขับปาดหน้าไปมาอยู่ตลอด
จนรถไปติดไฟแดงที่บริเวณสี่แยกท่าสะอ้าน และเมื่อรถได้รับสัญญาณไฟเขียว ตนเองจึงได้ขับออกไปเพื่อจอดหยุดรถและทำการต่อว่าฝ่ายตรงข้ามว่าปาดตนเองทำไม ทำไมถึงขับรถแบบนี้ และพยายามขับรถต่อไปตามเส้นทาง และมาถูกฝ่ายตรงข้ามขับรถเข้ามาประกบปาดหน้าอีกครั้งจึงหยุดรถที่บริเวณดังกล่าว และถูกกลุ่มของอีกฝ่ายพยายามที่จะดึงมือจับเปิดประตูรถจนได้รับความเสียหายทั้งสองข้าง และพยายามใช้มือทุบกระจกรถด้วย นายคำพันธ์ กล่าว
ขณะที่ฝ่ายของรถกระบะ 2 คัน ซึ่งเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวเพียงชื่อเล่นว่านายต้น อายุ 43 ปี อาชีพรับเหมาทาสี กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุได้ขับรถมาด้วยกัน 2 คัน โดยคันแรกเป็นยนต์กระบะมิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน ยง-3452 ชลบุรี ตนขับมาเองพร้อมด้วยลูกสาววัย 3 ขวบและภรรยาอีก 2 คนรวม 4 คน เพื่อนำพาคนงานทาสี ซึ่งขับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าไมตี้เอ็กซ์ สีบรอนซ์ ทะเบียน บย-2326 ชลบุรี บรรทุกไม้ไผ่เพื่อจะนำไปใช้ทำนั่งร้านทาสี ตามมาด้วยอีก 2 คน เพื่อมุ่งหน้าสู่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
ได้ถูกรถบรรทุกพ่วงขับเบียดเข้ามาปาดหน้า ช่วงก่อนที่จะเข้าเขต อ.บางปะกง ด้านฝั่งขาเข้ามาจาก จ.ชลบุรี จากเลนซ้ายสุดเข้ามาในเลนกลางด้านขวาที่ตนกำลังขับรถมาตามเส้นทาง ตนจึงได้เปิดไฟหน้ากระพริบเตือน แต่ยังไม่ได้คิดอะไรเพราะตนมากับแฟนที่มีแต่ผู้หญิงและเด็ก นั่งมาในรถด้วยกัน แต่เขาได้ชะลอความเร็วรถลงคล้ายกับแสดงความไม่พอใจ และเมื่อถึงช่วงก่อนจะขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกงเขาได้ขับขึ้นมาปาดหน้ารถคันที่ตนขับมาอีกครั้ง
จนกระทั่งรถขับมาจนใกล้ถึงบริเวณสี่แยกสัญญาณไฟแดงท่าสะอ้าน บนถนนสาย 314 ฉะเชิงเทรา-บางปะกง เขาได้ขับเข้ามาปาดหน้าอีกครั้ง และเมื่อตนกำลังจะได้รับสัญญาณไฟเขียว ทางฝ่ายคู่กรณีได้ขับรถเพื่อนำส่วนหัวลากออกไปก่อนเพื่อปิดขวางทางที่ด้านหน้าอยู่กลางถนน จากนั้นคนขับรถบรรทุกได้ลงมายืนชี้หน้าด่า ก่อนที่จะขับรถมุ่งหน้าไปตามเส้นทางด้านฝั่งขาเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทรา ตนจึงได้ให้รถยนต์กระบะคันที่บรรทุกไม้ไผ่นั่งร้านมาด้วยขับตามประกบไปขวางที่ด้านหน้า
และตนขับรถกระบะอีกคันตามประกบไปด้วย เพื่อที่จะขอพูดคุยกันให้รู้เรื่อง และเมื่อเขายอมหยุดรถเขากลับไม่ยอมที่จะลงจากรถเพื่อมาพูดคุยกัน ทั้งที่เขาเป็นพนักงานขับรถของบริษัทใหญ่แต่ขับรถไม่สุภาพ โดยถือว่ารถของตนเองใหญ่กว่า มันอันตรายกับคนบนท้องถนน และคนอื่นเขา นายต้น กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และเจ้าหน้าที่จราจร ได้นำคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเดินทางไปเข้าพบ ร.ต.อ.สุริยา ภูมิวัฒน์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยได้มีการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ และสอบปากคำคู่กรณีทั้งสองฝ่าย โดยที่ต่างฝ่ายต่างยังไม่ยินยอมต่อกัน แต่ต่อมาเมื่อเวลา 09.20 น. ทางบริษัทผู้เป็นเจ้าของรถพ่วงบรรทุกอาหารสัตว์ ได้เข้ามาขอเจรจากับคู่กรณีและรับปากว่าจะดำเนินการลงโทษเป็นการภายในต่อพนักงานขับรถที่มีกริยาและการขับรถที่ไม่สุภาพบนท้องถนน
พร้อมกับได้ยินยอมที่จะกล่าวคำขอโทษต่ออีกฝ่ายหนึ่ง และได้ให้ทางพนักงานขับรถบรรทุกทำการกล่าวขอโทษต่อคู่กรณีต่อหน้าพนักงานสอบสวน และได้ขอแยกย้ายจากกันไปในช่วงก่อนเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: