ฉะเชิงเทรา – กระดูกหมูทุกชิ้นมีค่า ชาวบ้านไม่เชื่อกะโหลกปริศนาเป็นเพียงซากหัวสุกร พร้อมสวดยับหน่วยงานรัฐไม่ตรวจพิสูจน์ให้แน่ชัดกระจ่างใสก่อนทำลาย เผยแม้เพียงเศษกระดูกหมูยังต้องซื้อต้มน้ำซุปแพงสุดถึง 50 บาทต่อ กก. ขณะราคาหัวหมูยังมีมูลค่าหลายร้อย เชื่อไม่มีใครหลับตานำมาเทกองทิ้ง บอกหากมีจริงให้เอาใส่ไว้ในตู้ปันสุข เพื่อช่วยปลดทุกข์ให้คนจนไม่ต้องอดรนทนหิว
วันที่ 26 มิ.ย.64 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีคนหาเก็บของเก่าไปพบกับซากกะโหลกสัตว์ที่ถูกนำมาเทกองทิ้งไว้ที่เชิงสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง ถนนสายบายพาสเลี่ยงเมือง สาย 365 พื้นที่ ต.บางตีนเป็ด อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา และเข้าใจว่าเป็นกะโหลกของสุนัขเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.64 ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ยังมีชาวบ้านอีกจำนวนมากหลายราย ที่ทราบถึงการออกมาให้ข่าวของสำนักงานปศุสัตว์ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า
ข่าวน่าสนใจ:
หัวกะโหลกสัตว์ปริศนาที่ถูกนำมาเทกองทิ้งไว้ที่บริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกงนั้น เป็นเพียงซากกะโหลกของสุกร จึงทำให้ชาวบ้านที่ไปพบด้วยตาตนเอง กลุ่มคนรักสัตว์ และประชาชนทั่วไปอีกหลายรายยังไม่ยินยอมเชื่อถือต่อคำชี้แจงดังกล่าว พร้อมต่างโอดผ่านผู้สื่อข่าวว่า หากเป็นจริงทำไมไม่นำเอามาทิ้งใส่ไว้ในตู้ปันสุขเพื่อให้ประชาชนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก และลำบากกันอยู่ในเวลานี้ได้นำไปต้มกินให้อิ่มท้อง
เผยราคาหัวหมูในท้องตลาดมีมูลค่ากว่า 200-300 บาท ขณะเศษกระดูกทุกชิ้นที่ถูกนำไปทิ้ง ยังใช้ต้มน้ำซุปเพื่อทำก๋วยเตี๋ยวได้ ทั้งยังมีราคาแพงถึง กก.ละ 30-50 บาท โดยชาวบ้านยังเชื่อว่า คงไม่มีใครหลับตานำเอามาทิ้ง โดยเฉพาะพ่อค้าจะไม่นำสิ่งของเหล่านี้มาทิ้งให้เสียผลประโยชน์อย่างแน่นอน วอนบอกผ่านทางผู้สื่อข่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบกลับไปอย่างแน่ชัด ถึงแหล่งต้นตอที่มาว่ามาจากที่ใด
เพื่อความสบายใจของชาวบ้านที่ยังต้องซื้อเนื้อสัตว์ตามท้องตลาดไปบริโภค โดยที่มีชาวบ้านอีกหลายคนได้เห็นแย้ง และแสดงความคิดเห็นฝากผ่านในทำนองเดียวกันอีกว่า แม้แต่มูลของสุกรก็ยังถูกนำออกมาขายเป็นอาหารปลาและทำปุ๋ยได้
ขณะที่ นสพ.หญิง ฉัตรสุดา ชุมเกษียณ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สำนักงานปศุสัตว์ จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวเปิดเผยว่า หลังจากได้ลงไปตรวจสอบยังในจุดที่มีชาวบ้านพบซากสัตว์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจสัตว์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำในบริเวณใกล้เคียงที่พบซาก พบว่ากะโหลกสัตว์ที่พบนั้นเป็นเพียงหัวของสุกรทั่วไป เนื่องจากพบว่าที่บริเวณด้านท้ายของกะโหลกนั้นมียอยหรือจอน (Stybid Process) เป็นส่วนที่ยื่นออกมาทางด้านท้ายของกะโหลกทั้ง 2 ข้าง
ซึ่งเป็นส่วนที่จะมีแต่เฉพาะในกะโหลกของสุกรเท่านั้น ส่วนกะโหลกของสุนัขจะไม่มีตรงส่วนที่ยื่นออกมาตรงด้านท้ายกะโหลกนี้ และสำหรับเขี้ยวที่ชาวบ้านพบว่าที่ซากสัตว์นั้น ยังมีเขี้ยวด้านหน้าอยู่ด้วยนั้น สุกรก็เป็นสัตว์ที่มีเขี้ยวเช่นเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่สุกรที่ถูกเลี้ยงในฟาร์มทั่วไปจะถูกตัดเขี้ยวทิ้งตั้งแต่ยังเล็ก อีกทั้งลักษณะของฟันสุกรและสุนัขยังไม่เหมือนกัน
โดยฟันของสุกรจะเป็นลักษณะของฟันบดปลายทู่เรียงแถวกัน ส่วนฟันของสุนัขจะเป็นฟันฉีกที่แหลมคมกว่า โดยหลังจากการลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วได้ให้ทาง อบต.บางตีนเป็ด ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบตาม พ.รบ.สาธารณสุขในด้านการรักษาความสะอาด ได้ทำการจัดเก็บนำไปฝังกลบทำลายทิ้ง พร้อมกับฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในบริเวณที่พบให้ทั่วทั้งพื้นที่ เพื่อควบคุมโรคและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่อาจมีติดมากับซากสัตว์แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีมูลเหตุอะไรที่พ่อค้าจะนำเอาหัวสุกรมาทิ้ง ทั้งที่เป็นของมีมูลค่าราคาแพงตามที่ชาวบ้านระบุ นสพ.หญิงฉัตรสุดา ตอบว่าอาจจะมีคนบางกลุ่ม ที่นิยมบริโภคแต่เฉพาะหนังหน้ากากของสัตว์หรือมีการลอกเอาแต่เฉพาะส่วนหน้ากากของสัตว์ออกไป แต่หัวกะโหลกที่เหลือนั้นกินไม่ได้จึงได้นำเอามาทิ้ง แต่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ได้เคยเกิดขึ้นและมีผู้พบเห็นซากแบบเดียวกันนี้
ในพื้นที่ ต.ก้อนแก้ว อ.คลองเขื่อน รอยต่อติดกับ ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา มาก่อนหน้าแล้วถึง 2 ครั้ง ส่วนความเชื่อมั่นในการบริโภคเนื้อสุกรที่ชาวบ้านยังคงหวาดระแวงอยู่นั้น ขอให้ชาวบ้านเลือกซื้อจากเขียงที่เชื่อถือได้ เช่น ผู้ค้าที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ขายกับทางสำนักงานปศุสัตว์ และแหล่งที่มาอย่างถูกต้องที่มีตั๋วที่มาจากโรงฆ่า โดยโรงฆ่าที่ถูกต้องนั้นจะมีตั๋วมาให้แก่ทางผู้ขายด้วย จึงจะเชื่อถือได้ว่าเป็นเนื้อสุกรอย่างแน่นอน แต่หากไปซื้อกับผู้ขายที่ไม่มีเอกสารยืนยันมาจากโรงฆ่านั้น ก็จะทำให้ทำการตรวจสอบได้ยากเช่นกัน นสพ.หญิง ฉัตรสุดา ระบุ
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังที่ตลาดค้าส่งพืชผักและเนื้อสัตว์ และถือเป็นแหล่งค้าวัตถุดิบปรุงอาหารที่ใหญ่ที่สุดของ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ตลาดสดบ่อบัว ตั้งอยู่ภายในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา และได้เข้าสอบถามราคาของหัวสุกรที่ถูกนำมาวางขายหน้าแผงค้า พบว่าหัวสุกรมีราคาอยู่ในตลาดค้าส่งสูงถึง 200 บาท และเมื่อลูกค้าสั่งซื้อพ่อค้าจะทำการผ่าแบะกะโหลกศีรษะของสุกรออกเป็น 2 ซีกในทันที
โดยที่กะโหลกศีรษะที่ถูกซื้อไปจะไม่สมบูรณ์แบบเต็มใบเช่นเดียวกันกับซากของกะโหลกสัตว์ที่ถูกพบนำมาทิ้ง และจะกระทำการผ่ากะโหลกในทำนองเดียวกันก่อนขายให้แก่ลูกค้าในทุกแผงค้า และในส่วนของเศษกระดูกจะถูกขายในราคา กก.ละ 10 บาท ในตลาดค้าส่งแห่งนี้ ส่วนราคาในตลาดนัดทั่วไปพบว่าหัวสุกรมีราคาแพงถึง 230-250 บาท และเศษกระดูกเปล่าไม่มีเนื้อราคา กก.ละ 25 บาท
–ติ่งคนรักสัตว์สะเทือนใจ กะโหลกสุนัขนับร้อยกองทิ้งข้างสะพานบางปะกง
–ทาสหมาแมวสะเทือนใจ กะโหลกสุนัขนับร้อยกองทิ้งข้างสะพานบางปะกง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: