ฉะเชิงเทรา – พ่อค้าบ่อบัวโอด หลังนายทุนผู้เช่าที่ดินของการรถไฟจ่อขยับขึ้นค่าเช่าแผงค้าอีกเท่าตัว ซ้ำเติมความบอบช้ำจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ทั้งที่ถูกสั่งปิดตลาดหยุดทำการค้าไปนานเมื่อช่วงก่อนหน้าถึง 14 วัน และยังถูกกักตัวจากป่วยโควิดหลังทำการรักษาหาย ขณะบางรายยังต้องนอนรักษาอาการติดเชื้อนานนับเดือน วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลช่วยเหลือเพื่อชะลอบรรเทาความเดือดร้อน
วันที่ 7 พ.ย.64 ผู้ค้าขายในตลาดสดบ่อบัว ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ริมถนนชุมพล ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านทางผู้สื่อข่าวไปถึงยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงความเดือดร้อนหลังจากได้ถูกนายทุนผู้เช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย เรียกเก็บค่าเช่าที่ดินที่มีการจัดแบ่งเป็นล็อคให้แก่ผู้เช่าทำการค้าขาย ในราคาที่จะเพิ่มสูงขึ้นถึงกว่า 2 เท่าตัว
ข่าวน่าสนใจ:
หลังสถานการณ์โควิด 19 ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่มีการระบาดอย่างรุนแรงจนถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุมเข้มงวดสูงสุด (แดงเข้ม) มานานถึงกว่า 3 เดือนเพิ่งจะผ่อนคลายลงไป โดย นายประดิษฐ เพิ่มปัญญา อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 230 ม.16 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าอีกจำนวนหลายราย ได้ร่วมกันกล่าวถึงความเดือดร้อน ที่กำลังได้รับผลกระทบกันอย่างถ้วนหน้าว่า
เมื่อวันที่ 31 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ทางนายทุนผู้เช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เข้ามาบอกกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดสดบ่อบัว (โซนลานกลางเต็นท์) ว่า จะขึ้นราคาค่าเช่าล็อคที่ดินที่ตั้งวางแผงค้าขายอีกหนึ่งเท่าตัว จากเดิมล็อคละ 50 บาทต่อวัน จะถูกปรับขึ้นเป็นล็อคละ 100 บาทต่อวัน ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมเอารัดเอาเปรียบ สร้างภาระค่าใช้จ่ายที่หนักต่อผู้ค้า ทั้งที่สภาพการค้าขายในปัจจุบัน ผู้ค้าขายยังทำการค้ากันได้ไม่เต็มที่
หลังจากที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 เกิดขึ้นซ้ำซากในพื้นที่ จึงทำให้มีลูกค้าเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าภายในตลาดลดน้อยลง ประกอบกับตลาดบ่อบัวแห่งนี้ยังเคยถูกทาง จ.ฉะเชิงเทรา สั่งปิดจากการตรวจพบเชื้อมาแล้วรวม 14 วัน เพื่อทำการควบคุมโรค จึงทำให้ผู้ค้าขายสูญเสียรายได้กันไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของสินค้าที่ขยับขึ้นราคามาจากต้นทาง เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของการขนส่งจากราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้ขายสินค้าได้ไม่ดีไปด้วย
จากเดิมที่เคยค้าขายในตลาดบ่อบัวเก่ามานานกว่า 30 ปี พวกตนจ่ายค่าแผงค้าเพียงวันละ 20 บาท และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรอย่างอื่นเพิ่มเติมอีกเลย แต่เมื่อมีนายทุนได้เข้ามาอ้างว่าเป็นผู้เช่าที่ดินของการรถไฟ จึงถูกขอให้ย้ายออกมายังด้านนอก เนื่องจากทางผู้เช่าที่ดินรถไฟจะใช้พื้นที่ตลาดเก่าเพื่อสร้างตึก และให้พวกตนซึ่งเป็นกลุ่มผู้ค้าที่ยินยอมออกมาจากตลาดเก่าแต่โดยดี จึงได้ย้ายออกมาอยู่ยังที่ตลาดกางเต็นท์ด้านนอกแห่งนี้เป็นรายแรกๆ
แต่เมื่อยินยอมย้ายออกมาแล้ว ได้ถูกเรียกเก็บค่าเช่าล็อคขนาดกว้าง 2 เมตรยาว 2.5 เมตร เพื่อตั้งแผงขายของในราคาล็อคละ 50 บาทต่อวัน ทั้งยังต้องจ่ายค่าน้ำ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกชนิดละ 10 บาทต่อชิ้นต่อวัน เช่น หลอดไฟหลอดละ 10 บาท พัดลมตัวละ 10 หากดวงไฟใช้หลอดไฟดวงใหญ่ จะถูกเรียกเก็บเพิ่มเป็นหลอดละ 20 บาท ซึ่งถือเป็นรายจ่ายที่มากกว่าแต่ก่อน ที่เคยอยู่ในตลาดแห่งเดิมอยู่มากถึงวันละเกือบ 100 บาทต่อแผง
และเมื่อวันที่ 31 ต.ค.64 ที่ผ่านมาทางนายทุนได้อ้างว่าผู้ค้าได้ย้ายมาอยู่จนครบ 3 ปีแล้ว จึงได้มีการเรียกเก็บขึ้นค่าเช่าเป็นล็อคละ 100 บาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ยังไม่เคยมีความชัดเจนในการเช่าที่ดินจากการรถไฟของนายทุนเกิดขึ้น รวมถึงยังไม่มีการทำสัญญาเช่าล็อคทำการค้ากับพวกตน ซึ่งเป็นผู้เช่าช่วงต่อมาให้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แต่พวกตนได้จ่ายเป็นเงินค่าเซ้งล็อคตั้งแต่แรกเข้า หลังจากที่ได้ย้ายออกมาทำการค้าขายยังด้านนอกแล้วถึงล็อคละ 20,000 บาท
โดยมีเพียงใบเสร็จรับเงินของทางบริษัทนายทุนรายนี้ ให้มาเป็นหลักฐานแสดงการรับเงินไว้ ออกมาให้เพียงใบเดียวเท่านั้น เมื่อมาถึงขณะนี้กลับจะมาให้พวกตนย้ายออกไปหากไม่ยินยอมที่จะจ่ายเงินค่าเช่า ตามที่ถูกเรียกเก็บเพิ่มขึ้นมาเป็น 2 เท่าตัวดังกล่าว พวกตนจึงคิดว่าถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่ผู้ค้าบางราย ที่ต้องการใช้พื้นที่ค้าขายขนาดใหญ่ขึ้น จึงได้มีการจ่ายเงินเป็นค่าเซ้งพื้นที่ขนาดกว้างเพียง 2 เมตรยาวเพียง 2.5 เมตรไป ในราคานับแสนบาท
จึงอยากเรียกร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลในเรื่องนี้ด้วย ว่านายทุนทำอย่างถูกต้องหรือไม่ และอยากให้เขารับฟังเสียงจากพ่อค้าแม่ค้าบ้าง ถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ทั้งที่ยังขายของไม่ดีเลยในช่วงของโรคโควิด 19 ระบาดที่ผ่านมา นายประดิษฐ กล่าว
ขณะที่ น.ส.จันทร์เพ็ญ ศรีอารยะ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/1 ถ.วรรณยิ่ง ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า การขึ้นราคาค่าเช่าล็อคตั้งแผงค้าขายของนายทุน บนที่ดินรถไฟแห่งนี้นั้น เป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ค้า อีกทั้งยังไม่เคยมีเอกสารใดๆ ในการแจ้งบอกเตือนมาก่อน มีเพียงคนเก็บเงินเดินมาบอกว่าจะขึ้นราคาค่าเช่าในวันที่ 31 ต.ค.64 เพียงวันเดิยวและในวันที่ 1 พ.ย.64 จึงได้เข้ามาเรียกเก็บค่าเช่าในราคาใหม่เลยในทันที
โดยเป็นการขยับขึ้นตามใจชอบอย่างที่ไม่มีความชัดเจนอะไรเลย เพียงแต่อ้างว่าหมดสัญญาครบสัญญา 3 ปีแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้าที่ผ่านมานั้นยังไม่เคยมีการเซ็นสัญญาอะไรระหว่างกันมาก่อน โดยมีเพียงแค่ใบเสร็จรับเงินเป็นค่าเซ้งล็อคจองพื้นที่เท่านั้น ขณะเดียวกันเมื่อช่วง 2 เดือนก่อน ตลาดยังถูกทางจังหวัดสั่งปิดเป็นเวลานาน 14 วัน หลังจากมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด 19
รวมทั้งตนยังถูกกักตัวพร้อมด้วยสามีอีก 14 วัน เนื่องจากก่อนหน้านั้นสามีถูกตรวจพบเชื้อเป็นผู้ป่วยโควิด 19 มาก่อนที่ตลาดจะปิด และได้ถูกนำไปรักษาเป็นเวลา 14 วัน หลังรักษาหายยังต้องกักตัวอยู่กับบ้านอีก 14 วัน จึงทำให้ไม่ได้ทำการค้าขายเลยเป็นเวลา 28 วัน แต่ยังต้องจ่ายค่าเช่าเต็มจำนวน 28 วันทั้งที่ไม่ได้ขายของ และเมื่อกลับมาทำการค้าได้เพียง 10 วันตลาดกลับถูกสั่งปิดอีก 14 วัน จึงไม่ได้ทำการค้าขายรวมกันถึงเกือบหนึ่งเดือนครึ่ง แต่เรายังต้องจ่ายค่าเช่าแบบเต็มๆ ทั้งที่ไม่ได้ขายของ น.ส.จันทร์เพ็ญ กล่าว
ส่วนด้าน นายอเนก ทองนาคหุ่น อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/16 ม.6 ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ตนเข้ามาจับจองล็อคบนที่ดินของการรถไฟในตลาดแห่งนี้เพื่อขายอาหารทะเลสดจำนวนหลายล็อค ในราคาล็อคละ 2 หมื่นบาทเป็นเงินรวม 1.6 แสนบาท และยังต้องเสียค่าเช่ารายวันอีกวันละ 550 บาทต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว
พอมาถึงขณะนี้กลุ่มทุนผู้เก็บผลประโยชน์ได้มาบอกว่าจะขอขึ้นค่าเช่าอีกล็อคละ 100 บาท รวมกับค่าน้ำค่าไฟแล้วตนจะต้องจ่ายเงินค่าเช่าต่อวันมากถึงกว่า 1 พันบาท ทั้งที่ขณะนี้เป็นช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 ที่ไม่มีคนออกมาจับจ่ายซื้อของมากนัก จะมีลูกค้าเข้ามาแค่เฉพาะในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เท่านั้น ขณะนี้จึงเดือดร้อนมาก นอกจากจะต้องแบกรับภาระค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นถึงกว่าเท่าตัวแล้ว ยังจะต้องจ่ายค่าแรงคนงานอีกจำนวนหลายคนด้วย ทั้งที่ยังขายของไม่ดีเลย นายอเนก กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: