ฉะเชิงเทรา – ตามรวบหลวงพี่ เสพติด กกน.ได้แล้ว หลังเผ่นหนีหมอปลาไปไกลถึงเพชรบูรณ์ เผยญาติโยมแต่งกายหวิวล่อใจ ทำโรคเก่ากำเริบ รับมีความสุขกับการที่ได้ขโมยของหญิงสาวที่มีหน้าตาดี ก่อนนำมาสวมใส่เพื่อสำเร็จความใคร่ แต่ไม่ใช่การสูดดม ขณะตำรวจตั้งข้อหาหนัก “ลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน” ซึ่งมีอัตราโทษสูง ก่อนถูกพาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในทันที
วันที่ 26 มี.ค.65 เวลา 16.36 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้นำตัว นายไกรสรณ์ เตชะปัญญา อายุ 41 ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 96 ม.7 ต.ทุ่งโพธิ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี หรืออดีตพระไก๊ ผู้ต้องหาลักทรัพย์ตามหมายจับศาล จ.ฉะเชิงเทรา ที่ 147/2565 ลงวันที่ 26 มี.ค.65 ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกกลุ่มของนายจีรพันธ์ เพชรขาว อายุ 44 ปี หรือ “หมอปลา นักทุบสัมภเวสี” ชาว จ.เพชรบุรี ได้นำคณะสื่อมวลชนพร้อมด้วยนักไลฟ์สดผ่านทางสื่อโซเชียลออกไล่ล่าตามหาตัว
ข่าวน่าสนใจ:
โดยบุกเข้ามาค้นหาถึงยังภายในกุฏิของวัดหนองปรือ ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ในช่วงค่ำของคืนวันที่ 24 มี.ค.65 ที่ผ่านมา ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้าแล้ว เดินทางกลับมายังที่ สภ.เขาหินซ้อน เพื่อให้ พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ เพ็ชรศักดิ์ ผกก. สภ.เขาหินซ้อน พร้อมด้วย พ.ต.ท.สงบ โคตรโย สารวัตรสอบสวนเจ้าของคดี ทำการสอบสวนปากคำในเบื้องต้น
ก่อนที่จะนำตัวออกไปพาชี้จุดเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังภายในกุฏิพระที่เคยพักอาศัย อยู่ก่อนหน้า รวมถึงในจุดก่อเหตุลักทรัพย์โจรกรรมเอากางเกงในไป 3 ตัว ยังที่หน้าบ้านของหญิงสาว ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซุ้มประตูทางเข้าวัด เลยถัดจากแนวรั้วของเมรุไปเพียงเล็กน้อย จากนั้นจึงได้พาไปชี้ยังในจุดที่ได้นำเอากางเกงในของกลางไปทิ้งไว้ยังในป่าหญ้าริมถนนภายในหมู่บ้าน เลยจากบ้านของผู้เสียหายไปอีก 50 เมตร
ขณะที่นายไกรสรณ์ ได้ให้การยอมรับสารภาพว่าได้เป็นผู้ที่เข้าไปลงมือก่อเหตุโจรกรรมกางเกงในของชาวบ้านข้างวัดมาจริง เนื่องจากพบเห็นญาติโยมโดยเฉพาะหญิงสาวที่ออกมาตักบาตรพระ หรือมาทำบุญนั้นแต่งตัววาบหวิว จึงทำให้โรคเก่าที่เคยเป็นมาก่อนหน้ากำเริบ ทั้งที่อาการลักษณะนี้ได้หายไปนานแล้ว เนื่องอวัยวะเพศของตนเองไม่มีอารมณ์ทางด้านนี้มานาน และเพิ่งจะลงมือก่อเหตุขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้เข้ามาบวชเป็นพระสงฆ์รวม 3 พรรษา
และยังยอมรับด้วยว่า ได้เคยเป็นผู้ต้องโทษในคดีทำนองเดียวกันมาแล้ว โดยถูกจำคุกมาเป็นเวลา 9 เดือน จากการที่เคยก่อเหตุเข้าไปลักทรัพย์เป็นกางเกงในของสตรีตามหอพัก ย่านนิคมอุตสาหกรรม 304 อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เมื่อหลายปีก่อน ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยังไม่ได้บวช ซึ่งในขณะนั้นตนเองมีอาการในลักษณะนี้ค่อนข้างหนักมาก และก่อเหตุอยู่เป็นประจำ ถึงเดือนละประมาณ 2-3 ครั้งจนถูกจับกุมได้
และส่วนใหญ่จะลงมือก่อเหตุแต่เฉพาะในเวลากลางวัน ในขณะที่หญิงสาวซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาวโรงงานไม่ได้อยู่ที่ห้องพัก โดยจะเลือกขโมยแต่เฉพาะกางเกงในของหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาดีเท่านั้น แต่ไม่ได้ขโมยเพื่อนำเอามาสูดดมแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้ขโมยแล้วนำเอามาสวมใส่เพื่อสำเร็จความใคร่ในการช่วยตนเอง โดยในทางความคิดนั้นเสมือนคล้ายกับว่าได้เข้าไปใกล้ชิดกับผู้เป็นเจ้าของกางเกงในเท่านั้น และไม่เคยลักทรัพย์อื่นนอกจากกางเกงใน
หลังจากถูกจับกุมตัวได้ในครั้งนี้แล้ว ตนเองอยากจะขอไปบำบัด หรืออยากได้พบกับทางจิตแพทย์เพื่อให้เขาช่วยทำการเยียวยารักษา เพราะเกรงว่าหากพ้นโทษออกมาแล้ว อาการจะกลับมากำเริบซ้ำอีก ทั้งที่หลังจากที่ได้เข้ามาบวชเป็นพระแล้วอาการได้หายไปนานหลายปี แต่ก็กลับมาเป็นอีก เมื่อถูกซักถามว่าหลังก่อเหตุแล้วได้หลบหนีไปอย่างไร นายไกรสรณ์ ระบุว่า ได้เดินทางกลับไปยังที่วัดเดิมใน จ.ปราจีนบุรี ในช่วงสายของวันหลังก่อเหตุ
โดยได้ไปนั่งอยู่ที่นั่นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อทางวัดหนองปรือโทรศัพท์ไปบอกว่ามีหมอปลาบุกเข้ามา จึงได้หลบหนีต่อไปอีกยังที่วัดอีกแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี แต่เมื่อทางหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่นั่นทราบเรื่องผ่านทางสื่อมวลชน จึงได้พยายามที่จะให้ตนเองออกไปอยู่ยังที่อื่น แต่ตนเองไม่มีที่ไป จึงได้ขอร้องให้หลวงพ่อที่วัดแห่งนั้น ได้พาไปสึกจากการเป็นพระสงฆ์ยังที่วัดอีกแห่ง โดยหลวงพ่อได้บอกว่าหลังจากสึกแล้วเอ็งจะไปไหนก็ไป
ตนจึงได้เดินทางต่อไปยังที่ จ.เพชรบูรณ์ โดยหวังว่าจะไปขอพักอาศัยอยู่ยังที่วัดที่ได้เคยไปจำพรรษาอยู่ที่นั่นมาแล้ว 1 พรรษา ในช่วงพรรษาที่ 2 ก่อนที่จะกลับมาจำพรรษายังที่วัดเดิม “วัดหัวหว้าสามัคคี” ในพรรษาที่ 3 แต่ได้ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมตัวไว้ได้เสียก่อนในระหว่างทาง ก่อนที่จะเดินทางไปถึงยังที่วัดแห่งนั้น นายไกรสรณ์ กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เปิดเผยว่า ได้ติดตามไปจับกุมตัวผู้ต้องหามาได้จาก อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ในขณะที่นายไกรสรณ์ กำลังจะเดินทางไปยังที่วัดถ้ำมงคลเขาชะโงก ต.บ้านกล้วย อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นวัดที่ได้เคยไปพำนักจำพรรษามาแล้ว 1 พรรษา แต่ยังเดินทางไปไม่ถึงได้ถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ติดตามไปทำการรวบตัวไว้ได้ก่อน เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ก่อนที่จะนำพาเดินทางกลับมายังที่ สภ.เขาหินซ้อน
หลังผู้ต้องหาได้ให้การยอมรับสารภาพ ทางพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ของผู้อื่นในเคหะสถานในเวลากลางคืน” ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกที่สูงกว่าในเวลากลางวัน โดยมีอัตราโทษมากถึง 1 ปีจนถึง 7 ปี และมีโทษปรับ 2 หมื่นบาทไปจนถึง 1 แสนบาท แม้มูลค่าของทรัพย์ที่ถูกขโมยไปจะเป็นเพียงแค่กางเกงใน 3 ตัว และเจ้าของไม่ได้ติดใจในมูลค่าของทรัพย์สินที่หายไปนั้นแล้วก็ตาม
หลังการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายไกรสรณ์ ได้ยกมือไหว้พร้อมกล่าวคำขอโทษต่อผู้เสียหายด้วย โดยที่ผู้เสียหายนั้นได้กล่าวให้อภัย และไม่ได้ติดใจต่อความผิด พร้อมยังบอกด้วยว่าเสียดายอนาคตของผู้ก่อเหตุ ส่วนการดำเนินคดีนั้น ให้เป็นไปตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้อื่น ซึ่งบุคลิกของอดีตพระหนุ่มนั้น เป็นคนรูปร่างสูงโปร่งและยังหน้าตาดีอีกด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: