ฉะเชิงเทรา – ผู้การแปดริ้ว โวรู้ตัวเจ้าของปืนสงคราม M4A1 พร้อมกระสุนเกือบหนึ่งพันนัดแล้ว ระบุเป็นของคนในพื้นที่ อ.พนมสารคาม เผยรอคว้าตัวให้ได้ก่อนพร้อมเตรียมส่งอาวุธปืนทั้งหมดไปตรวจสอบเก็บหลักฐานโดยเฉพาะดีเอ็นเอแฝงไว้เปรียบเทียบ คุยสาเหตุที่ผู้ครอบครองอาวุธนำมาซุกซ่อนทิ้งไว้เกิดจากการระดมกวาดล้างในพื้นที่อย่างหนักในขณะนี้
วันที่ 25 พ.ย.61 เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีมีชาวบ้านพบอาวุธปืนสงคราม M4A1 จำนวน 3 กระบอก พร้อมกระสุนปืนจำนวน 964 นัด ซองบรรจุกระสุน 4 ซอง ถูกยัดเก็บเอาไว้ภายในกระบอกท่อพีวีซีขนาด 10 นิ้ว บนคันบ่อน้ำกลางไร่มันสำปะหลัง ในพื้นที่ ม.5 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงค่ำวานนี้ว่า
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวผู้เป็นเจ้าของอาวุธปืนดังกล่าวแล้วว่าเป็นของคนในพื้นที่ อ.พนมสารคาม โดยสาเหตุที่ผู้ครอบครองนำออกมาซุกซ่อนทิ้งไว้ในป่าหญ้านั้น เนื่องจากตลอดช่วงที่ผ่านมา ตำรวจในพื้นที่ได้ระดมกวาดล้างอย่างหนัก จึงทำให้ผู้ที่มีอาวุธปืนผิดกฎหมายเอาไว้ครอบครองเกรงกลัวความผิด จึงได้ขนนำออกจากบ้านมาซุกซ่อนทิ้งไว้ในป่าหญ้าดังกล่าว
สำหรับบ้านของผู้ที่ครอบครองอาวุธรายนี้อยู่ห่างไกลจากที่เกิดเหตุพอสมควร หลังจากทำการตรวจยึดไว้ก็จะดำเนินการไปตามกระบวนการตามกฎหมาย โดยจะส่งอาวุธปืนไปตรวจสอบหาดีเอ็นเอ และเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไว้ เพื่อใช้เปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยครอบครองอาวุธปืนสงครามดังกล่าวว่าตรงกันหรือไม่ หากสามารถทำการจับกุมตัวได้ พล.ต.ต.ธีรพล กล่าว
ขณะที่นายหนู แก้วโรจน์ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/6 ม.7 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา คนขับรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตรที่เข้าไปไถดันบนคันดินที่เกิดเหตุจนพบท่อพีวีซีดังกล่าว เล่าว่า ขณะไปไถที่ดินดันป่าพงที่ขึ้นรกทึบสูงยาวท่วมศีรษะและท่วมตัวรถแทรกเตอร์บนคันบ่อน้ำ จนไปพบว่ามีแท่งท่อพีวีซีดังกล่าวล้มนอนกองอยู่ที่พื้น
ตนจึงได้ร้องบอก นายชลัย ธรรมเจริญ อายุ 54 ปี ชาว ต.ท่าสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าของที่ดินแปลง 7 ไร่ดังกล่าวว่า ตนได้ดันไปถูกหลักเขตแดนที่ดินล้มลงแล้ว เพราะเข้าใจว่าท่อพีวีซีแท่งดังกล่าวนั้น เป็นหลักเขตแดนของพื้นที่ เพื่อให้เขาเข้าไปจับตั้งขึ้น เนื่องจากเป็นบริเวณหัวมุมของแปลงพื้นที่พอดี และส่วนใหญ่เจ้าของที่ดินหลายแปลงมักใช้ท่อพีวีซีนำไปปักทำหลักหมุดแนวเขตพื้นที่ และเทปูนซีเมนต์ทับไว้ แต่ไม่ได้สนใจที่จะเข้าไปดูว่าเป็นอะไร
จากนั้นจึงขับรถดันดินในพื้นที่ต่อไป โดยเจ้าของนั้นก็ได้ไปจับท่อให้กลิ้งออกไป และไม่ได้ดูกันว่าเป็นท่ออะไรอยู่ข้างใน ตั้งแต่เมื่อช่วงประมาณ 11.30 น.ของวันวาน (24 พ.ย.61) จนกระทั่งพลบค่ำและเดินทางกลับบ้านไปแล้ว และได้มาเล่าบอกต่อเจ้าของรถแทรกเตอร์ ต่อมามีตำรวจเข้ามาเรียกตัวให้ไปสอบปากคำ พร้อมแจ้งให้ทราบว่าตนเองนั้นได้ไปดันเอาอาวุธสงครามขึ้นมาดังกล่าว นายหนู ระบุ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: