ฉะเชิงเทรา – หาคนหายข้ามปี ยังไร้วี่แววเห็นเงา ขณะญาติเชื่ออาจถูกจัดฉากฆาตกรรมชิงทรัพย์ ล่าสุดผู้เป็นบุตรสาวร้องขอกำลังอาสาสมัครจากหน่วยกู้ภัยในพื้นที่เกือบ 100 นาย เข้ามาช่วยกันระดมลงงมค้นหาภายในแหล่งน้ำใกล้เคียงจุดเกิดเหตุอีกครั้งจนเกือบตลอดทั้งวัน แต่ยังไร้ร่องรอยแห่งความหวังที่จะได้พบหนทางส่องสว่างนำไปสู่จุดหมายปลายทางแห่งการคลี่คลายคดีให้จบลงได้
วันที่ 22 มิ.ย.65 เวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกือบตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ทางญาติของ นายแทน โสประดิษฐ อายุ 82 ปี อยู่บ้านเลขที่ 190/3 ม.2 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ผู้สูญหายที่เชื่อว่าถูกพาตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอยมาเป็นเวลานานถึงกว่า 1 ปีเศษ ได้ร้องขอกำลังอาสาสมัครจากหน่วยกู้ภัยฯ ในพื้นที่ให้เข้ามาช่วยกันระดมลงงมค้นหาที่ใต้น้ำ ภายในอ่างเก็บน้ำประจำชุมชนบ้านหัวฝาย พื้นที่ ม.21 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีเนื้อที่เกือบ 20 ไร่
ข่าวน่าสนใจ:
โดยเป็นบริเวณใกล้เคียงกันกับจุดเกิดเหตุพบรถยนต์กระบะของผู้สูญหายจอดทิ้งไว้เป็นครั้งสุดท้าย บริเวณก่อนถึงคอสะพานข้ามคลองเชื่อมระหว่างอ่างเก็บน้ำและคลองธรรมชาติมากที่สุด ประกอบด้วยมนุษย์กบจากหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา จำนวน 10 นาย พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนและเรือท้องแบน 2 ลำ และมนุษย์กบจากหน่วยกู้ภัยพนมสารคามจำนวน 7 นาย พร้อมกำลังอาสาสมัคร 30 คนและเรือท้องแบน 1 ลำ โดยมีนายบุญนาค พรพจน์ธนมาศ นายก อบต.คลองตะเกรา พร้อมเจ้าหน้าที่ 12 คนมาร่วมให้การสนับสนุน
ประกอบกับยังมีกำลังจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้อีก 6 นาย ทหารพราน 5 นาย เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิกระจกเงา 3 คน และชาวบ้านอีกกว่า 30 คนรวมกว่า 100 ชีวิต ที่เข้ามาช่วยกันระดมลงงมค้นหาร่องรอยการหายตัวไปของนายแทน อีกครั้ง หลังจากเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมานับจากเมื่อวันที่ 25 เม.ย.64 ได้มีผู้มาพบรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสันรุ่นบิ๊กเอ็ม สีเขียว หมายเลขทะเบียน 9873 ฉะเชิงเทรา ถูกจอดทิ้งไว้อยู่ในลักษณะคร่อมไหล่ทาง
โดยที่ส่วนของท้ายรถตกถนนไปที่ข้างทางกว่าครึ่งคัน ขณะที่ทางส่วนหน้ารถที่บริเวณซุ้มล้อหน้าแก้มบังโคลนด้านซ้ายมีร่องรอยของการเฉี่ยวชน และมีรอยครูดยาวไปจนเกือบตลอดแนวทั้งคันรถ แต่ทางญาติยืนยันว่าเป็นร่องรอยจากอุบัติเหตุเก่า ซึ่งในขณะนั้นไม่มีใครพบตัวของผู้ขับขี่ผู้เป็นเจ้าของรถ และกลายมาเป็นผู้สูญหายนับจากนั้นมาเป็นเวลานานกว่า 1 ปี 2 เดือนที่ผ่านมา
โดยนางเสาวลักษณ์ บุญรัตน์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 212/3 ม.1 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ผู้เป็นบุตรสาวคนที่ 7 จากพี่น้องทั้งหมด 8 คนเป็นชาย 4 คนหญิง 4 คน เปิดเผยว่า นับจากผู้เป็นบิดาได้สูญหายไปเมื่อครั้งนั้นจนถึงขณะนี้ยังไร้วี่แววและเบาะแสของการหายตัวไป จึงได้ขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิกระจกเงาในการประสานกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครจากหน่วยงานต่างๆ เข้ามาค้นหาในพื้นที่อีกครั้ง
โดยมีความหวังว่าจะพบร่องรอยจากภายในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้บ้าง เนื่องจากเมื่อครั้งเกิดเหตุนั้นภายในสระแห่งนี้มีหญ้าขึ้นหนาแน่นและปกคลุมผิวน้ำจนรกทึบ ทำให้คนสามารถที่จะลงไปเดินที่เหนือผิวน้ำได้ และหากเดินไปตกหลุมโพรงหญ้าที่ไม่หนาแน่นเพียงพอก็อาจจะพลุบหายลงไปที่ใต้น้ำที่มีความลึกไม่ต่ำกว่า 3-5 ม. ท่ามกลางความหนาแน่นของกอหญ้าที่อาจทำให้คนไม่สามารถที่จะหาทางโผล่พ้นน้ำขึ้นมายังที่ด้านบนผิวน้ำได้ จนอาจเป็นสาเหตุของการสูญหายตัวไปของผู้เป็นบิดาจึงนำมาสู่การค้นหาในวันนี้อีกครั้ง
แม้สภาพปัจจุบัน ทาง อบต.คลองตะเกรา จะเข้ามาทำการรื้อเอาหญ้าที่หนาแน่นเหนือผิวน้ำออกไปแล้ว เพื่อที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่พักผ่อน แต่ระดับน้ำภายในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ยังคงมีความลึกอยู่มาก ทำให้การค้นหาในวันนี้ยังไม่พบร่องรอยหลักฐานอะไรเพิ่มเติมอีกเลย แต่ในแนวทางตามที่ตนเชื่อนั้น ยังเชื่อว่าผู้เป็นบิดาอาจจะพยายามเดินไปที่สวนผักซึ่งอยู่ใกล้กับวัดหัวฝ่าย ที่ตั้งอยู่ติดกับขอบสระน้ำแห่งนี้
แต่อาจจะตาลายเพราะความมืดในเวลากลางคืนจึงอาจจะเดินตกลงไปยังภายในกอหญ้า ที่ขึ้นปกคลุมปิดบังเหนือผิวน้ำไว้ จึงต้องการที่จะค้นหาภายในสระแห่งนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อที่จะเคลียร์ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นนี้ให้จบไปก่อน ส่วนอีกข้อสันนิษฐานหนึ่งนั้น ผู้เป็นบิดาก็อาจจะถูกอุ้มตัวหายไปหรืออาจถูกฆาตรกรรมชิงทรัพย์ เนื่องจากในคืนวันหายตัวไปนั้นผู้เช่าห้องพักห้องแรกจากจำนวน 5 ห้อง ซึ่งผู้เป็นบิดาดูแลอยู่ภายในบริเวณบ้าน ได้ยินเสียงชายหญิงเข้ามาพูดคุยกับผู้เป็นบิดาในช่วงเวลากลางดึกเวลาประมาณหลังเที่ยงคืนถึง 01.00 น. ที่บริเวณใต้ถุนบ้านสักระยะหนึ่ง จากนั้นจึงได้ขึ้นไปพูดคุยกันยังที่ชั้นบน โดยลักษณะบ้านเป็นบ้านไม้ยกพื้นแบบใต้ถุนสูงเปิดโล่ง ก่อนที่จะมีเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ขับรถออกจากบ้านไปในช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. เศษ
โดยขณะที่รถกำลังเคลื่อนออกจากบ้านไปนั้น ได้ยินเสียงของการลากประตูรั้วที่ดังขึ้นพร้อมกันกับเสียงรถยนต์ขับออกจากรั้วบ้าน โดยมีความผิดปกติตรงที่หากผู้เป็นบิดาจะขับรถออกไปเพียงลำพังนั้น จะต้องขับรถไปจอดก่อนที่จะออกจากประตูรั้ว เพื่อลงไปเลื่อนประตูเปิดเอง จากนั้นจึงจะขึ้นมาขับรถออกไปจนพ้นจากประตูรั้วและจะต้องลงมาเลื่อนปิดประตูรั้วอีกครั้ง
แต่จากคำบอกเล่าที่ผู้เช่าห้องได้ยินนั้น แสดงว่าจะต้องมีคนที่ออกไปพร้อมกันกับผู้เป็นบิดาและเลื่อนเปิดประตูออกไปพร้อมกันในคราวเดียว จนมีผู้มาพบรถจอดทิ้งอยู่ในจุดเกิดเหตุ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 04.00-05.00 น. ในลักษณะที่ตัวรถตกถนนไปครึ่งคัน และเปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้ด้วย โดยมีกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์เสียบคาอยู่ที่ช่องเสียบด้วย
ขณะเดียวกันในช่วงก่อนวันเกิดเหตุ ผู้เป็นบิดาเพิ่งจะขายรถไถนาเดินตามไป ได้เงินมาประมาณ 2-3 หมื่นบาท ทั้งยังมีเงินที่เก็บได้จากค่าเช่าห้องพักอีกบางส่วนด้วย ได้หายไปพร้อมกันทั้งหมดแม้แต่เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุก็ยังไม่เหลืออยู่ในบัญชีธนาคารเลย แต่ภายในบ้านกลับพบว่ามีกระเป๋าคาดเอวสำหรับใส่เงินของผู้เป็นบิดาพร้อมด้วยบัตรประชาชนและโทรศัพท์มือถือยังอยู่ภายในบ้าน ซึ่งดูคล้ายกับการเร่งรีบออกไปแต่ตัวโดยไม่ได้เอาอะไรติดไปด้วย
ทั้งยังพบว่ามีเงินเหลือติดอยู่ในกระเป๋าเพียงแค่ 120 บาทเท่านั้น จึงเป็นข้อสงสัยอีกประเด็นหนึ่งที่อาจเชื่อได้ว่าผู้เป็นบิดาอาจถูกอุ้มตัวหายไป หรืออาจเป็นการล่อลวงไปเพื่อก่อเหตุฆาตกรรมชิงทรัพย์ก็อาจเป็นไปได้ ในวันนี้จึงต้องการที่จะค้นหาเพื่อเคลียร์ในอ่างเก็บน้ำให้แน่ชัด หากไม่พบอะไร ก็จะเป็นที่น่าเชื่อได้ว่าผู้เป็นบิดานั้นได้ถูกล่อลวงหรืออุ้มไปฆาตรกรรมอย่างแน่นอน ซึ่งปกติบิดาตนนั้นยังมีร่างกายแข็งแรงดีและมีสติดีไม่เลอะเลือน
สามารถที่จะเดินจากจุดเกิดเหตุกลับมาบ้านได้เนื่องจากมีระยะทางแค่เพียงประมาณ 1 กม. และยังสามารถที่จะเดินไปยังที่สวนผักด้านข้างวัดได้ เพราะอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พบรถจอดทิ้งแค่เพียงประมาณ 300-400 เมตรเท่านั้น นางเสาวลักษณ์ กล่าว
และกล่าวอีกว่า สำหรับในวันเกิดเหตุ กรณีผู้เป็นบิดาอยู่บ้านเพียงลำพังนั้น เนื่องจากมารดาของตนได้เดินทางมาหาตนที่ จ.ระยอง ส่วนลูกๆ ทั้ง 8 คนนั้นได้แยกย้ายกันออกไปมีครอบครัวและทำงานที่ต่างจังหวัดกันทั้งหมด จึงเหลือยู่ที่บ้านแต่เพียง ตา-ยาย เท่านั้น ซึ่งตนก็ได้ฝากฝังต่อทางผู้เช่าห้องพักอาศัยไว้ ให้ช่วยคอยดูแลผู้เป็นบิดาให้ด้วย เนื่องจากบิดาตนนั้นมักจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้เช่า โดยจะเก็บของจากสวนมาฝากให้แก่ผู้เช่าห้องอยู่เป็นประจำ นางเสาวลักษณ์ ระบุ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: