ฉะเชิงเทรา – ชาวแปดริ้ว ประกาศขายบ้านกลางเมืองทิ้งหนีพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากพร้อมบ่นอยู่มานาน 20 ปี พื้นที่มีแต่ปัญหา ทั้งที่เป็นเมืองที่กำลังพัฒนาให้เป็นสมาร์ทซิตี้ แนะผู้มีอำนาจบริหารท้องถิ่นร่วมบูรณาการกับหน่วยงานอื่นบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ทั้งที่ทราบปริมาณน้ำฝนที่จะตกหนัก น้ำทะเลหนุนก่อนล่วงหน้า เพื่อประเมินเตรียมแผนการรับมือต่อปริมาณน้ำในพื้นที่
วันที่ 4 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางวาสนา (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 194-196 ถ.หน้าเมือง ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ว่าอยากจะขายบ้านซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ แบบ 3 ชั้นครึ่งรวม 3 คูหาทิ้ง ซึ่งปัจจุบันเปิดเป็นร้านค้าของชำและอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือนทั่วไป หลังจากบนท้องถนนบริเวณหน้าร้านถูกน้ำท่วมขังสูงบ่อยครั้ง และเป็นอย่างนี้มานานถึงเกือบ 20 ปี จนมีน้ำล้นเข้ามายังภายในร้านค้า ถึงปีละ 4-5 ครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดคือเมื่อคืนที่ผ่านมา
ทั้งที่ตนเองได้พยายามที่จะป้องกัน ด้วยการนำอิฐซีเมนต์อัดแรงห่อหุ้มด้วยถุงดำ นำมาวางเรียงสูงซ้อนกันถึง 2 ชั้น เพื่อนำแนวป้องกันน้ำท่วมขวางไว้ที่ทางเข้าร้าน แต่ก็ยังเอาไม่อยู่ และไม่รอดพ้นจากการถูกน้ำท่วม โดยเมื่อวานได้มีน้ำไหลเข้ามาจนเต็มหน้าร้านสูงจากพื้นถนนถึง 40-50 ซม. และต้องมาเสียเวลาเก็บกวาดเช็ดถูทำความสะอาดพื้นและเครื่องใช้ข้าวของภายในร้าน อีกเกือบตลอดทั้งวันในทุกครั้งที่ถูกน้ำท่วม โดยเฉพาะในปีนี้มีน้ำท่วมสูงมากถึง 4 ครั้งแล้ว
ทั้งที่ระดับน้ำในแม่น้ำบางปะกงในบ้างครั้งไม่ได้ขึ้นสูงจนเต็มลำน้ำ แต่พอมีฝนตกลงมาเพียงไม่กี่นาทีก็ยังท่วม โดยมีลักษณะคล้ายกับท่ออุดตันหรือท่อน้ำไม่ได้มีการขุดลอกอย่างถั่วถึง แต่พอมีชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนออกมาโวยวายจึงจะมีการเข้ามาลอกกัน แต่ก็ทำแค่เพียงไม่นานแล้วก็ไป โดยไม่ได้มีการดูดลอกให้ทั่วทั้งหมด หรือทำกันแค่เพียงเป็นหย่อมๆ ทำให้ชาวบ้านออกมาบ่นกันทั่วทั้งตลาด แต่เมื่อมีผู้คนออกมาโวยผ่านไปแล้วก็เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา จึงต่างพากันเงียบเฉยกันไป
ส่วนตนนั้นรอเพียงขอให้ขายตึกทั้ง 3 คูหานี้ได้ก็จะไปอยู่ที่อื่นแล้ว ไม่เอาแล้วในตัวเมืองแปดริ้ว เพราะน้ำท่วมมาตลอดเกือบ 20 ปียังไม่เคยมีใครเข้ามาช่วยเหลืออะไรเลย ทั้งยังท่วมบ่อยมากแม้จะมีฝนตกลงมาเพียงแค่แป๊บเดียวไม่กี่นาทีก็ท่วม จึงอยากบอกขายให้ใครมาช่วยซื้อตึกทั้ง 3 คูหานี้ไปจากตนสักที โดยตนพร้อมจะออกค่าโอนย้ายให้ด้วยทั้งหมด นางวาสนา กล่าว
ขณะที่ นายฐาณุ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี ผู้เป็นสามีกล่าวว่า ในขณะที่มีน้ำท่วมขังในเส้นทางสายนี้ อยากขอให้ช่วยปิดถนนไม่ให้รถสัญจรผ่าน เนื่องจากเมื่อมีรถขับผ่านมาได้ทำให้มีคลื่นน้ำซัดสูงมากขึ้นจากระดับที่ท่วมเอ่อขังอยู่อีกหลายเท่าตัว และไหลเข้าบ้านเรือนของคนที่มีบ้านพักอาศัยและร้านค้าอยู่ริมถนน นอกจากนี้รถขนาดเล็ก เช่น รถ จยย. รถเก๋ง หรือรถโหลดเตี้ยนั้นอย่าขับเข้ามาเลย เพราะมีหลายคันมาดับเสียกลางทาง
โดยเฉพาะเมืองแปดริ้วนั้น กำลังจะเป็นสมาร์ทซิตี้ ผู้บริหารพื้นที่จะต้องวางแผนว่าจะจัดการบริหารน้ำอย่างไร จะกักเก็บหรือเร่งระบายอย่างไร หากแม่น้ำบางปะกงมีระดับน้ำหนุนสูงจะทำอย่างไร หรือจะมีเรือมาช่วยเร่งระบายน้ำออกหรือไม่ จึงขอให้มีการวางแผนล่วงหน้าหากมีน้ำทะเลหนุน โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา นั้นได้มีการประกาศเตือนไว้ก่อนล่วงหน้าอยู่แล้ว ว่าจะมีฝนหนักปริมาณเท่าไร กี่ร้อยมิลลิเมตร จึงควรจะประสานงานกันแบบบูรณาการกันในทุกฝ่าย นายฐาณุ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: