ฉะเชิงเทรา – เหยื่อต่างชาติ ตอกเข็มสะเทือนตึกร้าวตามหาความรับผิดชอบผ่านหน่วยงานรัฐยังไม่คืบ ถามรัฐบาลจะรับดูแลแทนไหม หลังถูกบ่ายเบี่ยงยื้อเวลามานานถึงเกือบ 5 เดือนเต็ม ทั้งยังพูดคุยคนละภาษาไปคนละทางจนไม่สามารถตกลงกันได้ เผยข้อเสนอเพียงเศษเงินในการชดใช้คล้ายดูแคลนคนไทยผ่านทางตัวแทนเจรจา ขณะเหยื่อบางรายปูดบอกเคลียร์ช่องไว้หมดแล้ว พร้อมตั้งธงไม่มีนโยบายจ่ายเพิ่ม
วันที่ 27 ต.ค.65 เวลา 09.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงผลกระทบและความเดือดร้อนของคนไทยจากการกระทำของชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยและประกอบธุรกิจในพื้นที่จากนายเดชชัย สุวิวัฒน์ อายุ 58 ปี เจ้าของตึกอาคารพาณิชย์ที่แตกร้าวจำนวน 2 คูหา จากการกระทำของนายทุนต่างชาติ ในพื้นที่ ม.5 ต.คลองนา อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ที่ได้กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาล ได้มีมติในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แก้ไขกฎกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการที่จะให้ชาวต่างชาติครอบครองที่ดินในประเทศไทยได้จำนวน 1 ไร่เพื่อแลกกับการลงทุน 40 ล้านบาทนั้นว่า
ข่าวน่าสนใจ:
หากให้ต่างชาติสามารถครอบครองที่ดินในประเทศไทยได้แล้ว หากเขาเข้ามาทำให้คนไทยเดือดร้อนเสียหายรัฐบาลจะรับผิดชอบไหม จะทำอย่างไร เพราะที่ตนกำลังเดือดร้อนอยู่ขณะนี้ก็เพราะคนต่างชาติ เข้ามาทำความเดือดร้อนให้คนไทย มาตอกเสาเข็มอยู่ที่ข้างหลังตึกของตนจนตึกซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ขนาด 3 ชั้นของตนแตกร้าว และเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นแล้วยังไม่มีความรับผิดชอบ ไม่ยอมเข้ามาดูแลอีกด้วย อย่างนี้รัฐบาลที่จะอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาครอบครองที่ดินจะมารับผิดชอบแทนไหม
เมื่อมาทำให้เราเดือดร้อนแล้วยังคุยกันไม่รู้เรื่อง และไม่ยอมรับถึงผลจากการกระทำ ว่าจะซ่อมแซมต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นให้แก่ชาวบ้านอย่างไรแบบไหน ที่ผ่านมามีการเจรจาผ่านทางตัวแทนรวมถึงผู้รับเหมาแล้ว ได้มีการเสนอที่จะให้เงินเป็นค่ากระเบื้องปูพื้นแบบนับแผ่นชดใช้เพียงแค่หมื่นกว่าบาท ทั้งที่อาคารซึ่งเป็นตัวตึกที่แตกร้าวนั้น มีความเสียหายคิดเป็นมูลค่านับล้านบาท ถือเป็นการแสดงถึงความไม่รับผิดชอบ และจะมาทำการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้แบบชุ่ยๆ
นอกจากนี้ระหว่างการเจรจามาแล้วหลายครั้ง จะให้เราปิดร้านหยุดทำการค้าขาย 60-70 วันเพื่อจะเข้ามาทำการแก้ไข โดยที่จะไม่มีการชดเชยรายได้ให้ ทั้งที่ตึกของเรานั้นเดิมยังมีสภาพดีๆ อยู่ ก่อนที่คนต่างชาติจะเข้ามาทำการตอกเสาเข็มจำนวนมากถึง 387 ต้น โดยที่ตนนั้นมีหลักฐานเพราะได้ถ่ายภาพภายในตัวอาคารไว้ ก่อนที่จะมีการตอกเสาเข็ม แต่นายทุนต่างชาติรายนี้ กลับตอบกลับผ่านทางตัวแทนมาว่า เขาไม่มีนโยบายที่จะต้องจ่ายหรือชดเชยค่าขาดประโยชน์ให้
โดยอาคารพาณิชย์ของตนที่ได้รับความเสียหายจากคนต่างชาติ ที่มากระทำให้ได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้มีจำนวน 2 คูหาทางด้านท้ายตึกเลขที่ 90/17-18 จากทั้งหมด 18 คูหา โดยเฉพาะที่บริเวณชั้น 3 นั้นมีความเสียหายอย่างมากจนมีน้ำฝนสาดทะลุกำแพงผ่านแนวผนังที่แตกร้าวเข้ามาในตัวอาคารได้เลย นอกจากนี้ผลจากการตอกเสาเข็ม ยังทำให้ตัวอาคารที่ชั้นล่างมีน้ำไหลซึมเข้ามาโดยตลอด โดยยังไม่ทราบว่ามีน้ำไหลหรือรั่วซึมมาจากจุดใด
ขณะที่เมื่อวานนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.พิทูรย์ พัฒนชัย ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ลงพื้นที่มาพบกับชาวบ้านอีกครั้ง โดยได้มาให้คำแนะนำว่า หากยังไม่สามารถพูดคุยกันได้ ให้ชาวบ้านเดินทางเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อทางพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับข้อหาสร้างความเดือดร้อนรำคาญและทำให้เสียทรัพย์ หรือจะทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามกระบวนการยุติธรรมต่อศาลโดยตรง อีกช่องทางหนึ่งได้ นายเดชชัย กล่าว
ขณะที่ นายสันต์ ศรีเจริญ อายุ 70 ปี เจ้าของอาคารพาณิชย์เลขที่ 90/9 กล่าวว่า ตนได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานราชการรวม 3 ครั้งแล้ว ที่ผ่านมายังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยที่ตนได้ร้องขอให้ทางนายก อบต.คลองนา สั่งระงับการก่อสร้างชั่วคราวก็ยังไม่สามารถที่จะสั่งได้ ทั้งที่เป็นผู้อนุญาตให้นายทุนต่างชาติทำการก่อสร้างได้ แต่ไม่สามารถสั่งระงับได้ โดยที่ชาวบ้านคนในพื้นที่มีหนังสือร้องเรียนไปเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ทำการสั่งระงับและเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย
แต่ทางนายก อบต.ได้อ้างว่า ไม่เข้าข้อกฎหมาย และยังบอกว่าเข้าข้อกฎหมายแต่เพียงการสร้างความเดือดร้อนรำคาญเท่านั้น โดยที่ความเสียหายจากผลกระทบต่อทรัพย์สินของชาวบ้านนั้นไม่เข้า ทั้งที่ชาวบ้านได้เสนอแนะไปก่อนหน้าแล้วว่า ขอให้เขาใช้วิธีการวางรากฐานอาคารเป็นแบบเข็มเจาะ แต่ทาง อบต.คลองนา และทางโรงงาน ได้อ้างว่าเขาได้ขออนุญาตอย่างถูกต้องตามแบบแล้ว ให้ใช้เสาเข็มแบบตอกที่ความลึก 24 เมตรจำนวน 387 ต้นได้
จนชาวบ้านไม่รู้ว่าจะไปพึ่งพาหน่วยงานไหนได้แล้ว เพราะที่ผ่านมาได้เคยร้องไปทั่วทั้งที่ยุติธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรม สุดท้ายยังทำอะไรต่อทุนต่างชาติที่เข้ามาสร้างโรงงานรายนี้ไม่ได้ และยังไม่มีความรับผิดชอบต่อคนไทยอีกด้วย เคยนัดเจรจามาแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังไม่สำเร็จ ไม่เคยบรรลุข้อตกลงเนื่องจาก เขาเสนอชดใช้ค่าความเสียหายแบบดูถูกคนไทย แค่เพียงรายละ 9 พันกว่าบาท ทั้งยังข่มชาวบ้านอีกด้วยว่าหากจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเขาก็ไม่กลัว
เพราะเขาเคลียร์ไว้หมดแล้ว ทั้งอุตสาหกรรม นายก อบต. ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเขาเคลียร์แบบไหนอย่างไร ส่วนชาวบ้านที่ตึกร้าวเสียหายเขาไม่สนใจ เขาบอกเขาทำไปแล้ว เขาเป็นฝ่ายถูกต้องเขาจึงไม่กลัวไม่ว่าใครต่อใครจะร้องก็ตาม ทั้งที่ทำให้ชาวบ้านซึ่งเป็นคนไทยเดือดร้อนกันทั้งแถบ ตึกเสียหายกันเกือบทุกหลัง จึงหวังว่าผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบจะลงมาช่วยชาวบ้านบ้าง เพราะร้องไปกี่ครั้งก็ยังไม่มีการสั่งระงับ ไม่มีการเจรจาจนสำเร็จ และยังไม่มีการชดใช้ค่าเสียหายให้ นายสันต์ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: