ฉะเชิงเทรา – หมดที่พึ่ง ชาวบ้านตึกสะเทือนแตกร้าวหลังทุนต่างชาติระดมตอกเสาเข็มสร้างโกดังเก็บสินค้า รวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อทาง จนท.ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา แต่ทำได้แค่เพียงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้น พ้อผิดหวังหมดหนทางพึ่งพาหน่วยงานรัฐ
วันที่ 28 ต.ค.65 เวลา 12.14 น. ชาวบ้านชุมชนหน้าวัดทดราษฎร์เจริญมณีฤทธิ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์ ในพื้นที่ ม.5 ต.คลองนา อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.วรทัต เรืองฤทธิ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อต้องการแจ้งความดำเนินคดีต่อทางเจ้าของบริษัทชาวต่างชาติ พร้อมด้วยผู้รับเหมาตอกเสาเข็มในแปลงที่ดินข้างเคียงติดกันกับพื้นที่ตั้งของตัวอาคารพาณิชย์ทั้ง 18 คูหา ที่เกิดการแตกร้าวเสียหาย
จากแรงสั่นสะเทือนระหว่างการตอกเสาเข็มบนแปลงที่ดิน 1 ไร่ที่ความลึก 24 เมตรจำนวน 387 ต้น ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือน มิ.ย.65 ที่ผ่านมา แต่ทาง ร.ต.อ.วรทัต ได้ชี้แจงต่อชาวบ้านว่าทางพนักงานสอบสวนทำได้แค่เพียงการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากความเสียหายของตัวอาคารที่เกิดขึ้นเท่านั้น เนื่องจากทางผู้รับเหมาและผู้ว่าจ้าง ไม่ได้มีเจตนาหรือจงใจที่จะทำให้ทรัพย์สินของชาวบ้านเสียหาย
โดยเป็นเพียงการกระทำที่เกิดขึ้นภายในแปลงที่ดินของผู้ว่าจ้างเท่านั้น ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตัวอาคารข้างเคียงนั้น ขอให้ชาวบ้านไปดำเนินการทางกฎหมาย ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในคดีทางแพ่งต่อศาลกันเอาเอง ก่อนที่จะทำการสอบสวนถึงความเสียหายเบื้องต้นต่อทรัพย์สินของเจ้าของอาคารพาณิชย์แต่ละรายเอาไว้ และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น พร้อมปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อกรณีดังกล่าว
ขณะที่ น.ส.พัทธ์ยมล สื่อสวัสดิ์วณิชย์ อายุ 54 ปี หนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์รวม 4 คูหา ได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกผิดหวังต่อการทำงานของทางหน่วยงานราชการที่ชาวบ้านไม่สามารถพึ่งพาได้ โดยยังไม่มีหน่วยงานใดสามารถช่วยเหลือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้แก่ชาวบ้านได้เลย จนทำให้ตนเองนั้นไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ได้แต่เพียงทำการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากความเสียหายที่เกิดขึ้นเท่านั้น ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายได้บอกให้ชาวบ้านไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกันเอาเอง จึงทำให้เกิดความรู้สึกว่าประชาชนธรรมดานั้น ไม่สามารถพึ่งพาอะไรจากทางหน่วยงานราชการได้เลย น.ส.พัทธ์ยมล กล่าว
