ฉะเชิงเทรา – เผยภาพ พระบรมฉายาลักษณ์ ร.9 ร.10 พร้อมภาพหลวงพ่อโสธรบนปกหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพเกจิชื่อดัง ผู้ปลุกปั้นนางงามจากปลัดขิกในตำนานไม่ไหม้ไฟ หลังเพลิงเผาวอดศาลาไม้กึ่งคอนกรีตวัดดอนทองในคืนวันลอยกระทงเสียหายยับเกือบหมดทั้งหลัง ขณะสิ่งของสะสมประจำถิ่นพร้อมวัตถุโบราณอื่นที่ตกทอดมาจากเจ้าอาวาสหลายรุ่น ถูกเปลวเพลิงเผาละลายหายไปจนหมดสิ้น
วันที่ 14 พ.ย.65 เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ศาลาการเปรียญและกุฏิพักสงฆ์ที่อยู่ภายในอาคารศาลาหลังเดียวกัน ที่วัดดอนทอง ตั้งอยู่เลขที่ 78 ม.2 ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อเวลา 22.00 น. ของคืนวันลอยกระทง (8 พ.ย.65) ที่ผ่านมา จนทำให้ศาลาไม้กึ่งคอนกรีตเก่าแก่อายุราว 50 ปี ได้รับความเสียหายเกือบหมดทั้งหลังนั้น
ข่าวน่าสนใจ:
ปรากฏว่าชาวบ้านในพื้นที่ได้ค้นพบภาพพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ที่อยู่ในซากกองเถ้าถ่าน หลังจากศาลาถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ไปหมดแล้วกลับไม่ได้รับความเสียหาย พร้อมด้วยกองหนังสือธรรมะเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และหนังสือที่ระลึกที่มีปกด้านหน้าเป็นภาพหลวงพ่อโสธร ที่ถูกจัดพิมพ์แจกจ่ายเป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร เกจิชื่อดังในตำนานประจำ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อปี พ.ศ.2536
และภาพถ่ายสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม กทม. เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และอดีตคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในกองเพลิง ที่ไม่ได้ถูกไฟเผาไหม้ไปพร้อมกับตัวอาคารศาลาการเปรียญ ที่ถูกเผาวอดไปจนหมดทั้งหลัง ตั้งแต่ในคืนวันเกิดเหตุ จึงถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เป็นที่น่าประหลาดใจต่อชาวบ้านที่เก็บออกมาได้ ตลอดจนผู้ที่ได้มาพบเห็นเป็นอย่างมาก
ขณะที่พระครูใบฎีกาประทิว ยสปาโล เจ้าอาวาสวัดดอนทอง ระบุว่า ภายในศาลานั้นยังมีพระพุทธรูปเชียงแสนยุคเก่าแก่ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 30-40 นิ้ว ถูกเพลิงเผาไหม้จนเนื้อละลายแตกร่อนได้รับความเสียหายอย่างหนัก พร้อมด้วยของสะสมหายากที่ตกทอดจากอดีตเจ้าอาวาสในยุคก่อน ทั้งตะเกียงโบราณจำนวนกว่า 40-50 ดวง และรถจักรยานโบราณอีกจำนวนกว่า 40 คันนั้น ได้ถูกเพลิงเผาไหม้จนละลายไปแทบไม่เหลือซากแล้วทั้งหมด พระครูใบฎีกาประทิว ระบุ
สำหรับวัดดอนทองแห่งนี้ เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใกล้กันกับวัดท่าลาดใต้ และสำนักสงฆ์อาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ซึ่งถือเป็นเกจิชื่อดังทางด้านเครื่องรางของขลังในตำนานประจำ ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม ที่เคยปลุกปั้นอดีตสาวโรงงานให้เป็นนางงามชื่อดังระดับประเทศ ในเวทีการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2531 ด้วยเครื่องรางปลัดขิกอันเลื่องชื่อโดยที่ผู้เข้าประกวดรายนั้นได้นำไปเหน็บใส่ไว้ในมวยผมขณะขึ้นเวทีการประกวดประชันโฉม จนได้รับตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ในปีนั้น
โดยพระอาจารย์ซ่วน ยังเป็นพระอาจารย์ที่เก่งกาจในด้านการบำบัดทุกข์ทางจิตวิญญาณ เป็นที่พึ่งทางใจด้วยการประกอบพิธีเสริมบุญบารมีให้แก่คนดังในสังคมมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะการสร้างหุ่นปั้นอันเปรียบเสมือนตำแหน่งหน้าที่การงานต่างๆ ที่ผู้คนอยากได้และอยากจะเป็น ให้ได้มาสมดังใจปรารถนาจนทำให้ภายในบริเวณวัดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระอาจารย์ซ่วนนั้น มีหุ่นปั้นที่มีพลังอำนาจหรือฤทธิ์เดชในวรรณคดี และทางความเชื่อทางศาสนาต่างๆ มากมาย
เช่น ที่สำนักสงฆ์อาจารย์ซ่วนเองนั้น มีหุ่นปั้นมากมายถึงกว่า 242 ตน ต่อเนื่องไปถึงยังที่วัดท่าลาดใต้ และวัดท้าวอู่ไทใน อ.สนามชัยเขต ที่ล้วนต่างมีหุ่นปั้นของพระอาจารย์ซ่วน ตั้งวางเรียงรายอยู่ทั่วบริเวณเต็มไปหมด ก่อนที่ท่านจะมรณะภาพไปในปี พ.ศ.2536 ด้วยวัย 63 ปี โดยที่ยังคงมีหุ่นปั้นหลงเหลือไว้ให้ได้เห็นอยู่บ้างในสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: