ฉะเชิงเทรา – สลดสาวเมียนมา วิ่งเก็บหมวกตกบนถนนตัดหน้ารถยนต์กระบะที่กำลังขับมาทางตรงบนเส้นทาง ก่อนถูกพุ่งชนจนตัวปลิวไปตกไกลกว่า 30 เมตรดับอนาถ ขณะคนขับพยายามเบรกหยุดจนตัวรถหมุนสะบัดพุ่งเข้าไปชนเข้ากับรถยนต์ที่กำลังขับสวนทางมา ทำหนุ่มโชเฟอร์ปลิวกระเด็นตกออกมาจากรถเสียชีวิตคาที่ในคูน้ำอีก 1 ราย ทั้งแรงกระแทกยังทำให้รถคันที่สวนทางมาถูกพุ่งชนปลิวไปตกลงในคูน้ำอีกด้าน พร้อมกวาดรถ จยย.ตกข้างทางมีคนเจ็บไปด้วยอีก 2 ราย
วันที่ 14 ธ.ค.65 เวลา 08.00 น. ร.ต.อ.วรทัต เรืองฤทธิ์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีรถยนต์พุ่งชนคนเสียชีวิต และยังมีอุบัติเหตุพุ่งชนกันต่อเนื่องซ้ำในเหตุการณ์เดียวกันอีกหลายคัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย เหตุเกิดที่บริเวณ บนเส้นทางสาย รพช.เก่า (เส้นทางซันโย) พื้นที่ ม.2 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวบสวนยังในที่เกิดเหตุ พร้อมแพทย์เวรจาก รพ.พุทธโสธร
ข่าวน่าสนใจ:
ที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางแยกจากถนนสาย 304 สุวินทวงศ์ (ฉะเชิงเทรา-มีนบุรี) ด้านฝั่งขาเข้ามาประมาณ 1 กม. พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย ที่ถูกรถยนต์กระบะแบบแค็บ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บบ-6889 ฉะเชิงเทรา พุ่งชนจนร่างปลิวลอยกระเด็นมาตกไกลจากจุดเกิดเหตุประมาณกว่า 30 เมตร นอนเสียชีวิตอยู่บนไหล่ทางด้านฝั่งมุ่งหน้าออกมายังถนนสาย 304 ทราบชื่อต่อมา คือ น.ส.ตินเนียงมา ขิน (THIN MYAT MYAR KHIN) อายุ 36 ปี (ชาวเมียนมา)
เลยย้อนไปตามเส้นทางฝั่งเดียวกันประมาณ 15 เมตร พบร่างของผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย เป็นชาย ทราบชื่อต่อมา คือ นายสมบัติ ชุ่มชูจันทร์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 ม.6 ต.หนามแดง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา คนขับรถยนต์กระบะคันเกิดเหตุ นอนเสียอยู่ภายในคูน้ำบริเวณหน้าปากทางเข้าโรงงานบริษัทผู้ผลิตกระจกแห่งหนึ่งในบริเวณที่เกิดเหตุ ห่างจากร่างผู้เสียชีวิตขึ้นไปบนถนนประมาณ 4 เมตร พบรถยนต์กระบะด้านหน้ามีร่องรอยของการพุ่งชนกันอย่างแรงจนเกิดความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะที่บริเวณด้านฝั่งคนขับ จอดอยู่ในสภาพตัวถังบิดงอขวางเลนอยู่บนช่องทางมุ่งหน้า ถนน 304
นอกจากนี้ยังมีรถยนต์คันที่ขับสวนทาง และถูกรถยนต์กระบะคันแรกพุ่งเข้าไปชนอย่างจัง จนได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน ตกลงไปอยู่ในคูน้ำข้างทางอีกด้านของถนนใกล้กับเสาไฟฟ้า โดยเป็นรถยนต์กระบะแบบตอนเดียว ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1ฒภ-5923 กรุงเทพมหานคร มีนายสนาม คำมูล อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 ม.6 ต.โคกม่วง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู เป็นคนขับและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ให้การว่า
ขณะเกิดเหตุ กำลังขับรถมาตามเส้นทางมุ่งหน้ามาจากถนนสาย 304 เพื่อที่จะไปรับน้ำยาไตเทียมจากโรงงานย่านวัดคู้เกษมสโมสร ซึ่งอยู่เลยออกไปจากจุดเกิดเหตุเพียงประมาณ 2 กม. ไปส่งยังในเขตพื้นที่ กทม. แต่ได้มีรถยนต์กระบะคันคู่กรณี ที่กำลังขับมาด้วยความเร็วและมีการเหยียบเบรกเพื่อหยุดตัวรถอย่างแรง จนทำให้รถเกิดการเสียการทรงตัวพุ่งเข้ามาชนรถคันที่ตนขับมา นายสนาม กล่าว
นอกจากนี้ยังมีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ 125 RR คันสีน้ำเงินอีก 1 คัน ที่ขับมาตามเส้นทางในเวลาเดียวกันด้านซ้าย จากถนนสาย 304 ถูกรถยนต์กระบะแบบตู้ทึบที่ถูกรถกระบะที่เสียหลักมาจากฝั่งตรงข้าม พุ่งเข้ามาชนจนกระเด็นออกมาเบียดปาดหน้า และพุ่งเข้าชนกันอย่างแรง จนตัวรถปลิวตกลงไปในคูน้ำด้านฝั่งเดียวกันกับรถยนต์กระบะตู้ทึบ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย
คือ นายภูสริ สุภาวหา อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/1 ม.1 ต.หนามแดง อ.เมืองฉะเชิงเทรา มีการปวดที่ศีรษะ และขาซ้าย ขณะที่ น.ส.เสาวลักณ์ สมเสถียร อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 ม.3 ต.หนามแดง คนซ้อนท้าย ได้รับบาดเจ็บมีอาการปวดที่สะโพก และมีร่องรอยบาดแผลฟกช้ำตามร่างกาย โดยทั้ง 2 คนถูกช่วยเหลือนำส่งไปยังที่ รพ.เกษมราษฎร์ฉะเชิงเทรา
หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมในที่เกิดเหตุ พบว่าในบริเวณที่เกิดเหตุนั้น มีภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุเอาไว้ได้อย่างชัดเจน โดยเป็นภาพหญิงสาวชาวเมียนมาผู้เคราะห์ร้าย ที่เธอนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของสามีมาถึงยังบริเวณที่เกิดเหตุ และทำหมวกแก๊ปตกลงบนพื้นถนน บริเวณเส้นแบ่งกลางทั้งสองฝั่งของถนนแบบ 4 ช่องจราจรไม่มีเกาะกลางพอดี ก่อนที่ผู้เป็นสามีจะขับรถเลยไปจอดชิดกับขอบทางด้านขวาตรงข้ามกับเส้นทางที่ทั้งคู่พากันขับรถมา
จากนั้นเธอจึงวิ่งเลาะไหล่ทางย้อนกลับมาในระยะแรก และวิ่งเข้าไปยังในเลนกลางของถนน โดยที่ไม่ได้หันไปมองดูว่า กำลังมีรถยนต์กระบะขับตามหลังมาบนเลนด้านขวา ชิดเส้นแบ่งกลางพอดี โดยที่คนขับรถได้พยายามเหยียบเบรกจนตัวรถสะบัดหมุนเข้าไปยังในช่องทางตรงกันข้าม ในขณะที่ด้านท้ายของรถได้ปัดมาถูกตัวเธอจนปลิวลอยขึ้น และถูกด้านหน้าของรถยนต์กระบะหมุนเหวี่ยงมาซัดซ้ำที่ร่างของเธออีกครั้ง จนกระเด็นไปไกลถึงกว่า 30-40 เมตรดังกล่าว จึงทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ต่างเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงกันทั้งหมด ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสลดขึ้นในครั้งนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: