X
เหลือเพียงฟาร์มร้าง

ราคาหมูตก ไม่กระทบเกษตรกรแปดริ้ว ชี้เหลือเพียงฟาร์มรับจ้างเลี้ยง

ฉะเชิงเทรา – ราคาหมูตก เกษตรกรยันไม่กระทบฟาร์มที่แปดริ้ว ชี้เหตุเพราะเหลือแต่เพียงฟาร์มรับจ้างบริษัทยักษ์ใหญ่เลี้ยง ส่วนภาพเก่าที่เคยเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงสุกรมากเป็นอันดับต้นของประเทศนั้นแค่อดีต ที่เกษตรกรตัวจริงส่วนใหญ่ล้วนล่มสลายกันไปจนเกือบหมดแล้ว พร้อมระบุราคาขายถึงปากท้องผู้บริโภคยังแพงหูดับ วอนรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบหาทางเข้าแก้ไขควบคุม

วันที่ 1 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายบุญสม ศรีศิริโชคชัย อายุ 74 ปี ชาวบ้านหมู่ 2 ต.สาวชะโงก อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา อดีตเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงสุกร ขนาดฟาร์ม 2,000 – 3,000 ตัว กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา มีเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรตัวจริงเหลือเพียงไม่กี่รายแล้วเท่านั้น โดยส่วนใหญ่นั้นเป็นเพียงผู้รับจ้างเลี้ยงจากผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่มีวงจรห่วงโซ่ด้านการผลิตครอบคุมครบวงจรไปจนถึงการชำแหละเนื้อออกขายสู่ท้องตลาดแบบผูกขาดทั้งระบบ

ไม่กระทบหน้าฟาร์มแปดริ้วแล้ว

เมื่อมีกระแสข่าวว่าขณะนี้ราคาเนื้อสุกรหน้าฟาร์มตกต่ำลงนั้น จึงไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเกษตรกรในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากอยู่ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลของบริษัทยักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้น จากอดีตที่ชาวบ้านหรือเกษตรกรในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เคยเลี้ยงกันเองแบบรายเล็กประมาณรายละ 400-500 ตัวไปจนถึงขนาดกลาง 4,000-5,000 ตัว และฟาร์มใหญ่นับหมื่นตัวนั้น ต่างพากันไปไม่รอดจนต้องปิดกิจการไปจนเกือบทั้งหมดนานแล้ว

นายบุญสม ศรีศิริโชคชัย

เนื่องจากในอดีตราคาพืชผล ซึ่งเป็นปัจจัยต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ขยับราคาสูงขึ้น แต่ราคาขายเนื้อสุกรหน้าฟาร์มไม่ได้ขยับขึ้นตาม และไม่มีใครยื่นมือเข้ามากำกับดูแลให้ได้อย่างแท้จริง จึงทำให้เกษตรกรต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นเอง และทำให้ขาดทุนอย่างหนักในเวลานั้น ผิดไปจากบริษัทขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยด้านการผลิตครบถ้วน ทั้งในด้านการเพาะเลี้ยงและการจำหน่ายแบบครบวงจร จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไร

สภาพปัจจุบัน

ซ้ำร้ายยังมีโรคระบาดเข้ามาในพื้นที่ โดยเฉพาะโรคอหิวาต์แอฟริกา ที่ทำให้ผู้เลี้ยงสุกรได้รับความเสียหายอย่างหนักจนต้องพากันเลิกเลี้ยงไปในที่สุด ปัจจุบันในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา แทบไม่มีเกษตรกรตัวจริงหรือผู้เลี้ยงสุกรที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทยักษ์ใหญ่อีกแล้ว เนื่องจากทั้งฟาร์มใหญ่ที่เคยเลี้ยงกันมากนับหมื่นตัวไปจนถึงรายย่อยต่างพากันปิดกิจการไปหมดแล้ว จึงทำให้ราคาเนื้อสุกรหน้าฟาร์มที่กำลังตกต่ำอยู่ในขณะนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรชาว จ.ฉะเชิงเทรา อีกแล้ว

ที่ผ่านมามีเกษตรกรหลายรายต่างพากันหันไปเลี้ยงกุ้งเลี้ยงปลาแทน บางรายก็หันไปทำสวนเกษตร เช่น สวนมะม่วง ตามความถนัดของตนเองเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว และบางรายนั้นยังได้รื้อเล้าสุกรขายไปจนหมดแล้วก็มี แต่หลังเกษตรกรเลิกเลี้ยงสุกรกันจนแทบหมดทั้งจังหวัด ได้ทำให้ราคาสุกรทั้งหน้าเขียงหน้าฟาร์มแพงสูงขึ้นมาก จนตนเองและคนในครอบครัวต้องพากันหลีกเลี่ยงในการที่จะซื้อกิน โดยหันไปบริโภคอย่างอื่นแทน เช่น เนื้อปลาที่ถูกกว่า

เป็นเพียงอดีตแชมป์เก่า

ทั้งที่ผู้บริโภคอยากจะรับประทานเนื้อสุกรมากกว่า แต่ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะซื้อ จึงอยากวิงวอนภาครัฐและบริษัทยักษ์ใหญ่ให้ช่วยดูแลราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าบริโภคของประชาชนที่ยากจนบ้าง โดยที่ผ่านมานั้นเนื้อสุกรสามชั้น และหมูเนื้อแดงราคาขายถึงมือผู้บริโภคแพงมาก อย่างไม่ทราบสาเหตุ โดยรายละเอียดนั้นตนไม่อาจไปล้วงลึกจากเขาได้ จึงอยากให้คำนึงถึงผู้บริโภคบ้างเพื่อสร้างความเป็นธรรมด้านราคาให้แก่คนในสังคม

เกษตรกรตัวจริง เลิกเลี้ยงไปหมดแล้ว

แม้ปัจจุบันตนที่ได้หันมาปลูกมะม่วงแล้ว ยังต้องคำนึงถึงราคาขายที่ผู้ซื้อจะรับได้ นั่นคือหัวใจของเกษตรกรที่แท้จริง จึงอยากวิงวอนให้ผู้มีอำนาจได้พูดคุยกับทางบริษัทผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ให้ช่วยลดราคาสินค้าทุกชนิด โดยเฉพาะสินค้าบริโภคในชีวิตประจำวันของประชาชน ที่ส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นคนยากจนในสังคม โดยเฉพาะเนื้อสุกรที่เป็นอาหารหลักของผู้บริโภคทั่วทั้งประเทศ ให้สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริง นายบุญสม กล่าว

ราคาขึ้นลง ไม่ส่งผลกระทบแล้ว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน