ฉะเชิงเทรา – ท่าลาด วิกฤตหนักปลานับสิบตันลอยตายเกลื่อน ทำพระเณรเก็บซากวุ่นหลังส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณคุ้งน้ำรบกวนนักปฏิบัติธรรมภายในวัด เบื้องต้นเชื่อน้ำขาดออกซิเจน เหตุน้ำในคลองหยุดไหลนิ่งตายมาอย่างยาวนานหลายเดือน ขณะระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง ส่วนชาวบ้านขนซากปลาไปทำปุ๋ยหมักรดใส่ต้นไม้
วันที่ 7 ธ.ค.61 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าน้ำในคลองท่าลาด ซึ่งเป็นลุ่มน้ำสาขาต้นน้ำบางปะกงเกิดปัญหาวิกฤตอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้มีปลาลอยผุดขึ้นมาเหนือน้ำตายเกลื่อนลำคลองจำนวนหลายสิบตัน ทั้งปลาน้อยใหญ่น้ำหนักมากหลายสิบ กก. ล้วนลอยคอผุดขึ้นมาตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทั้งยังเริ่มส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณคุ้งน้ำ
ข่าวน่าสนใจ:
โดยเฉพาะที่บริเวณหน้าวัดหนองรี ตั้งอยู่เลขที่ 455 ม.1 ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา มีปลาเน่าจำนวนหลายสิบตันลอยเข้ามาในบริเวณหน้าวัด จนทำให้ทั้งพระเณร ชาวบ้านตลอดจนผู้ที่มาถือศีลปฏิบัติธรรมนั้น ต่างต้องพากันลงเรือพายเข้าไปช่วยกันเก็บซากปลาตายขึ้นมาจากน้ำ เนื่องจากส่งกลิ่นเหม็นรบกวนไปจนทั่วบริเวณตลอดคุ้งน้ำเป็นระยะทางไกลหลาย กม.
โดย พระปิติภูมิ อากิยวงศ์ อายุ 37 ปี พระลูกวัดหนองรี กล่าวว่า ปลาได้เริ่มลอยตายผ่านเข้ามาที่บริเวณหน้าวัดเมื่อ 2 วันก่อน จากนั้นจึงได้เริ่มเห็นซากปลาลอยตายอืดไหลตามน้ำเข้ามาเรื่อยๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งปลายี่สก ปลาตะเพียน ปลาสวาย ปลาดุก และปลาเค้าตัวขนาดใหญ่ยาวถึงกว่า 2 เมตร จำนวนปริมาณหลายสิบตัน
ซึ่งครั้งแรกนั้นได้มีชาวบ้านพายเรือเข้ามาเก็บนำไปบริโภคและทำปลาร้า แต่ต่อมาปลาได้เริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็นจึงไม่มีใครเข้ามาเก็บเอาซากปลาขึ้นจากน้ำ จึงทำให้พระสงฆ์ภายในวัดพร้อมญาติโยมที่เดินทางมาปฏิบัติธรรมอยู่ภายในวัดนั้น ต้องช่วยกันเก็บซากปลาขึ้นมาจากน้ำ แต่เก็บเท่าไหร่ก็ยังไม่หมดเพราะยังคงมีซากปลาลอยตายอยู่เหนือน้ำเข้ามาเรื่อยๆ ที่บริเวณคุ้งน้ำหน้าวัดแห่งนี้
โดยตลอด 2 วันที่ผ่านมานั้นสามารถเก็บซากปลาตายขึ้นได้ที่หน้าวัดจำนวนมากกว่ารถบรรทุกสิบล้อจะบรรทุกได้หมด ซึ่งมีจำนวนหลายสิบตันก่อนที่จะมีชาวบ้านเข้ามาขนนำซากปลาเน่าไปหมักทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ โดยหลังเกิดเหตุปลาตายได้มีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบแล้ว โดยระบุเพียงว่าน้ำในคลองมีค่าออกซิเจนต่ำ จึงทำให้ปลาขาดอากาศหายใจ แต่ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดว่าปลาตายจากสาเหตุใดแน่ พระปิติภูมิ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: