ฉะเชิงเทรา – ถนนสไลเดอร์ท่าถ่านเริ่มแผลงฤทธิ์รับฤดูฝน ทำรถตู้ขนแรงงานเพื่อนบ้านจากนนทบุรี มุ่งหน้าด่านชายแดน จ.สระแก้ว ลื่นไถลเสยท้ายรถบรรทุกก่อนโหม่งเข้ากับเสาไฟส่องสว่างริมทางเฉี่ยวป้ายเตือนกันลื่นไปเพียงเล็กน้อย ทำผู้โดยสารนั่งมาในรถเจ็บ 16 รายสาหัสมีแผลเปิด 1 รายส่งต่อ รพ.พุทธโสธร
วันที่ 11 ก.ค.66 เวลา 03.00 น. ร.ต.ท.พัชรพล แสงเฉวตร รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.พนมสาคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีรถยนต์ตู้โดยสารไม่ประจำทางพุ่งชนเสาไฟส่องสว่างริมทาง บนถนน 304 ช่องทางคู่ขนานมุ่งหน้า จ.สระแก้ว ช่วงตอนพนมสารคาม-เขาหินซ้อน พื้นที่ ม.7 ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ทำให้มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ
ข่าวน่าสนใจ:
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น COMMUTER สีขาวหมายเลขทะเบียนสีฟ้า 1นฆ-9357 กทม. พุ่งเข้าไปชนติดอยู่กับเสาไฟส่องสว่างริมทางในช่องทางหลักด้านซ้ายมุ่งหน้าเขาหินซ้อน ซึ่งมีแผ่นป้ายแจ้งเตือนสภาพพื้นผิวการจราจรให้ระมัดระวังถนนลื่นไถลในเวลาฝนตกติดตั้งเตือนไว้ 2 แผ่นคู่กันทั้งช่องทางหลักและทางคู่ขนาน โดยมีข้อความกำกับให้ใช้ความเร็วที่ 60 กม./ชม.
ในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 16 รายเป็นหญิง 12 ราย ชาย 4 ราย โดยเป็นผู้โดยสารชาวลาว 15 รายและคนขับเป็นคนไทย 1 ราย ทราบชื่อ คือ นายองอาจ โตเกษม อายุ 47 ปี ชาว ม.4 ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะเกิดเหตุพื้นถนนมีสภาพเปียกแฉะหลังจากมีฝนตกลงมา จึงทำให้รถตู้ที่กำลังขับมาจาก จ.นนทบุรี และ กทม. ก่อนมารับคนงานบางส่วนใน อ.พนมสารคาม เพื่อมุ่งหน้าไปยังที่ด่านชายแดน จ.สระแก้ว เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเวลา 02.30 น. ได้ลื่นไถลเสียหลักพุ่งเข้าไปชนกับท้ายรถบรรทุกไม่ทราบขนาด โดยมีผู้บันทึกภาพทะเบียนไว้ได้ 71-1626 ปทุมธานี ที่ขับอยู่ด้านหน้า ก่อนที่จะเสียหลักพุ่งเข้าไปชนติดอยู่กับเสาไฟส่องสว่างทางดังกล่าวจึงทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ส่วนรถบรรทุกไม่ได้หยุดรถอยู่ในที่เกิดเหตุ
โดยผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่มีอาการจุกแน่นที่หน้าอกปวดขา ปวดข้อหัวเข่า ปวดหัวไหล่ และมีผู้ติดอยู่ภายในรถเป็นหญิง 2 รายได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลฉีกขาดที่ขาซ้าย ขณะอีกรายมีบาดแผลที่แก้มซ้าย ส่วนที่เหลือมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยตามร่างกาย ถูกนำส่งไปยัง รพ.พนมสารคาม 7 ราย รพ.ราชสาส์น 5 ราย รพ.สนามชัยเขต 4 ราย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีผู้เสียชีวิตในที่เกิเดหตุ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับถนนสาย 304 ทั้งช่วงตอนมีนบุรี-ฉะเชิงเทรา และฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม ที่มีการก่อสร้างขยายเส้นทางจากเดิมเป็นถนนลาดยางแอสฟัสท์ติกขนาด 4 ช่องจราจร มาเป็นถนนคอนกรีตขนาด 6-8 ช่องจราจร ได้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการลื่นไถลบ่อยครั้ง จนทำให้มีรถยนต์หลายพันคันมาประสบอุบัติเหตุในช่วงฤดูฝนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานถึงกว่า 2 ปีในทุกครั้งที่มีฝนตกลงมาในพื้นที่วันละหลายสิบครั้ง
ที่บริเวณถนนช่วงตอนสี่แยกกองพลทหารราบที่ 11 ในเขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา มาจนถึงบริเวณสะพานหน้าวัดหัวสวนในเขตพื้นที่ อ.บางคล้า นอกจากนี้ เมื่อช่วงปี 2565 ที่ผ่านมาหลังจากมีการขยายถนนสายเดียวกันช่วงบริเวณทางสามแยกเลี่ยงเมืองวังตะเคียน (แยกสตาร์ไลท์) เส้นทางจากมีนบุรีมายัง จ.ฉะเชิงเทรา เสร็จสิ้น ได้เกิดอุบัติเหตุจากการลื่นไถลในลักษณะเดียวกันและเกิดขึ้นซ้ำซากในบริเวณจุดเดียวกันอย่างต่อเนื่องหลายครั้งเช่นเดียวกัน
โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดในร้านจำหน่ายรถยนต์มือสองบันทึกภาพยืนยันลักษณะของการเกิดอุบัติเหตุเอาไว้ได้อย่างชัดเจน จนได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนหลายแขนง ได้นำไปเสนอเป็นข่าวออกไปอย่างกว้างขวาง ในขณะที่ทางแขวงการทางฉะเชิงเทรา ได้เคยชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวว่า ถนนในจุดที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซากในลักษณะเดียวกันทุกครั้งที่มีฝนตกลงมานั้น มีการก่อสร้างได้ตามมาตรฐานตรงตามแบบของกรมทางหลวง และผ่านการตรวจสอบรับงานโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาแล้วเป็นอย่างดี
จึงถือว่าการก่อสร้างได้ตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยดีแล้ว ทั้งยังระบุว่ามีผู้ใช้ทางทำของเหลวหรือสารเคมีตกหล่นอยู่บนพื้นผิวการจราจร แต่คำชี้แจงดังกล่าวนั้นได้ค้านต่อสายตาชาวบ้านที่ผ่านมาประสบอุบัติเหตุ รวมถึงผู้ที่อยู่อาศัยริมทางที่ได้พบเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำและบ่อยครั้ง ว่าพื้นผิวถนนที่ก่อสร้างเสร็จใหม่นั้น มีการลื่นไถลที่ผิดปกติไปจากเดิม และเมื่อแขวงการทางฉะเชิงเทรา ได้มีการขัดพื้นผิวจราจรในบริเวณจุดเกิดอุบัติเหตุซ้ำซากให้หยาบขึ้น หรือสากขึ้น
ปรากฏว่าเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นซ้ำซากแบบรายวันและนับสิบครั้งใน 1 วันช่วงเวลาฝนตกได้ลดน้อยหายไปจนแทบไม่มีเกิดขึ้นอีกเลย แม้จะมีฝนตกหนักลงมาก็ตาม ทั้งที่บริเวณบนถนนสาย 304 ช่วงตอน ฉะเชิงเทรา-หัวสวน และบริเวณทางสามแยกสตาร์ไลท์ใน ต.วังตะเคียน อ.เมืองฉะเชิงเทรา โดยที่การขยายถนนลักษณะเดียวกันนี้ ได้มีการก่อสร้างขยายเส้นทางยาวต่อเนื่องไปจนถึงในเขตพื้นที่ ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โดยที่จุดที่เกิดอุบัติเหตุล่าสุดในครั้งนี้ มีลักษณะของพื้นผิวการจราจรที่ลื่นไถลในเวลาฝนตกคล้ายคลึงกันกับ 2 จุดแรกที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: