ฉะเชิงเทรา – เวียนเทียนวัดโสธร ในเทศกาลบุญวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ผู้คนทยอยพากันมาไม่ขาดสายตั้งแต่ก่อนพลบค่ำจนใกล้เวลาดึกดื่น มากกว่าในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ระบาดเมื่อ 3 ปีก่อน พร้อมเปิดแมสก์ถ้วนหน้าเดินวนรอบพระอุโบสถ ขณะพิธีทางการนำโดยผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา เริ่มขึ้นในเวลา 18.00 น.ส่วนพิธีชาวบ้านที่ต่างคนต่างพากันมาเดินวนรอบนอกกำแพงแก้วชั้นนอกคึกคัก
วันที่ 1 ส.ค.66 เวลา 20.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันอาสาฬหบูชา ซึ่งเป็นงานบุญใหญ่ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาที่บริเวณวัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ได้มีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างได้ทยอยพากันเดินทางเข้ามาเวียนเทียนโดยรอบพระอุโบสถหลังใหญ่ ของวัดโสธรอย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าการประกอบพิธีเวียนเทียนอย่างเป็นทางการ ซึ่งนำโดยนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา จะได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อเวลา 18.00 น.ก็ตาม
แต่ประชาชนทั่วไปหลายพันคนนั้นยังคงพากันเข้าเดินเวียนเทียนกันแบบต่อเนื่องไม่ขาดสาย ขณะที่ทางวัดได้กำหนดเวลาปิดประตูรั้วพระอุโบสถด้านนอกไว้เพียงเวลาประมาณ 21.00 น. เท่านั้น แต่ก็ยังคงมีผู้คนพากันเข้ามาอย่างประปราย โดยพิธีเวียนเทียนในวันนี้ถือเป็นปีแรก ที่ผู้ที่เดินทางเข้ามาร่วมในพิธีนั้น ต่างพากันเปิดหน้ากาก (แมสก์) กันอย่าถ้วนหน้าแบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว หลังจากเมื่อช่วงตลอด 3 ปีที่ผ่านมานั้น มีโรคโควิด 19 ระบาดจนทำให้ผู้คนที่เดินทางมาเข้าร่วมพิธีมีน้อยกว่าปกติ
สำหรับพิธีการเวียนเทียนอย่างเป็นทางการนั้น ได้มีการประกอบพิธีที่ภายในพระอุโบสถ โดยมีพระสงฆ์ภายในวัดโสธรฯ ซึ่งนำโดยพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าคณะ จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ซึ่งเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยเหล่าข้าราชการ และผู้ที่แต่งกายด้วยเครื่องนุ่งห่มสีขาว รวมถึงผู้ที่มาบำเพ็ญบุญถือศีลอยู่ภายในวัด ได้มีการประกอบพิธีเวียนเทียนไปเมื่อเวลา 18.00 น. และเดินเวียนเทียนรอบกำแพงแก้วชั้นใน
ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ต้องห้ามสำหรับผู้ที่ไม่ได้แต่งกายด้วยเครื่องนุ่งห่มขาว เข้าไปยังภายใน จึงทำให้การเวียนเทียนโดยรอบพระอุโบสถวัดโสธรฯ แบ่งแยกออกจากกันเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของฝ่ายฆราวาสซึ่งเป็นบุคคลทั่วไป และฝ่ายข้าราชการ พระภิกษุสงฆ์สามเณร ผู้ถือศีลดังกล่าว
