ฉะเชิงเทรา – อีสท์วอเตอร์ จ่อเตรียมสูบน้ำที่สถานีสูบน้ำคลองเขื่อน ช่วงตอนกลางของลำน้ำบางปะกงส่งไปตุนเก็บสำรองไว้ยังที่อ่างเก็บน้ำบางพระชลบุรี ขณะชาวบ้านหวั่นกระทบน้ำที่เพิ่งไหลเข้าสู่ร่องสวนมะม่วงเป็นครั้งแรกในรอบปีช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่หลังถกร่วมตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำเห็นชอบให้ทดลองสูบก่อนได้ 1 สัปดาห์ หากกระทบจริงพร้อมให้ยุติทันที
วันที่ 2 ส.ค.66 เวลา 13.30-15.30 น. ที่บริเวณสถานีสูบน้ำของบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (อีสท์วอเตอร์) ริมลำน้ำบางปะกงใน อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา ทางฝ่ายสื่อสารองค์กรของบริษัทอีสท์วอเตอร์นำโดย น.ส.ฉัตรแก้ว ภุมรินทร์ ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กร นายวาทิต ประสมทรัพย์ ผู้จัดการแผนกกิจการสัมพันธ์และ CSR นายสันติ ปิยะสราสารทูร ผู้จัดการแผนกบริการจ่ายน้ำ ฝ่ายปฏิบัติการและบริการลูกค้า
ข่าวน่าสนใจ:
ได้จัดการประชุมหารือร่วมกันกับผู้แทนกลุ่มผู้ใช้น้ำจาก 6 อำเภอซึ่งอยู่ริม 2 ฝั่งลำน้ำบวงปะกงประกอบด้วยผู้แทนกลุ่มผู้ใช้น้ำ อ.เมืองฉะเชิงเทรา อ.บ้านโพธิ์ อ.คลองเขื่อน อ.บางคล้า อ.บางปะกง อ.บางน้ำเปรี้ยว ปลัดอำเภอคลองเขื่อน สมาชิกสภาเกษตรกร จ.ฉะเชิงเทรา และนายสุพจน์ สุวรรณจิตร นายช่างชลประทานชำนาญการ ผู้แทนจากสำนักงานชลประทาน จ.ฉะเชิงเทรา ภายใต้ชื่อการประชุมว่า “ร่วมพิสูจน์ข้อเท็จจริงด้วยกัน ! 0.5 เปอร์เซ็นต์สู้วิกฤตภัยแล้ง”
เพื่อร่วมหารือเกี่ยวกับกรณีที่ทางบริษัทอีสท์วอเตอร์ จะทำการสูบผลันน้ำจากแม่น้ำบางปะกงเพื่อส่งไปกักเก็บไว้ยังที่อ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นการสูบตามวงรอบที่ได้รับอนุญาตจากกรมชลประทาน ในช่วงเวลาหลังจากสิ้นสุดฤดูการลงมือหว่านไถของเกษตรกรในพื้นที่ และเป็นการให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เข้ามาพิสูจน์ถึงคำถามที่มีผู้ตั้งข้อสงสัย จนเป็นที่กังขาในสังคมที่ว่า “อีสท์ วอเตอร์ สูบน้ำเยอะ จริงหรือไม่…? สูบน้ำจนน้ำหมุนวน จริงหรือไม่…? สูบจนระดับน้ำในแม่น้ำบางปะกงลดลง จริงหรือไม่…? สูบจนน้ำเค็มเข้ามาแทนที่ จริงหรือไม่…?
โดยมี นายวาทิต และนายสันติ เป็นผู้ทำหน้าที่ชี้แจง โดยระบุว่า ตามข้อมูลวิทยาศาสตร์นั้นพบว่าน้ำในแม่น้ำบางปะกงได้ไหลทิ้งลงทะเลไปมากถึงวันละประมาณ 59 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบม.) แต่ทางอีสท์วอเตอร์มีกำลังสูบน้ำได้สูงสุดเพียงวันละ 3 แสน ลบม.หรือคิดเป็นร้อยละ 0.5 ของน้ำที่ไหลผ่านโรงสูบคลองเขื่อน จึงต้องการให้ตัวแทนผู้ใช้น้ำพร้อมผู้เกี่ยวข้องได้เข้ามาพิสูจน์ข้อเท็จจริงร่วมกันในวันนี้ โดยที่ทางบริษัทจะได้ทำการทดลองเดินเครื่องสูบน้ำทั้ง 8 เครื่องอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หากส่งผลกระทบจริงตามคำถามที่เกิดขึ้นในสังคมก็พร้อมที่จะหยุดสูบในทันที
ขณะเดียวกันได้มี นายวิเชียร มงคล อายุ 72 ปี ชาวบ้าน ม.3 ต.คลองเขื่อน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีสูบน้ำของบริษัทอีสท์วอเตอร์ ได้พูดแสดงถึงความเป็นห่วงกังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำที่อาจลดระดับลงหายไป หากมีการเดินเครื่องสูบน้ำในสถานีสูบน้ำแห่งนี้ พร้อมยังระบุด้วยว่าในปีนี้เพิ่งมีน้ำจากแม่น้ำบางปะกงไหลเข้าสู่ร่องสวนมะม่วงเป็นครั้งแรกของปีช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากมีน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นในช่วงข้างแรม
แต่หากทางอีสท์วอเตอร์ ทดลองเดินเครื่องสูบน้ำแล้วไม่มีผลกระทบอะไรเกิดขึ้น ทั้งความเค็มของน้ำไม่เพิ่มขึ้น และปริมาณน้ำไม่แห้งหายไป หรือหยุดไหลเข้าสู่ร่องสวนก็จะถือว่าไม่ได้รับผลกระทบ และหากส่งผลกระทบก็อยากขอหมายเลขโทรศัพท์หรือช่องทางการติดต่อจากทางฝ่ายของอีสท์วอเตอร์ เพื่อที่จะสามารถแจ้งให้ทราบได้ในทันที และขอให้ทำการหยุดสูบ ซึ่งหากเป็นไปตามข้อตกลงนี้ ชาวบ้านก็จะไม่ขัดข้องในการที่ทางอีสท์วอเตอร์จะสูบน้ำส่งไปยังที่อื่น นายวิเชียร กล่าว
ด้านนายสุพจน์ ซึ่งเป็นตัวแทนจากฝ่ายชลประทาน กล่าวว่า ปัจจุบันความเค็มของแม่น้ำบางปะกงยังอยู่ที่บริเวณ อ.บ้านโพธิ์ และ อ.เมืองฉะเชิงเทรา โดยสามารถตรวจวัดที่ อ.บ้านโพธิ์ได้ความเค็มที่ 2-4 ppt (กรัม/ลิตร) ส่วนที่ อ.เมือง ตรวจวัดได้ที่ 0.8 ppt ซึ่งต่ำกว่า 1 ppt แล้วจึงถือว่าเป็นน้ำดีหรือน้ำจืดที่สามารถน้ำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตรและด้านอื่นๆได้ตามปกติ นายสุพจน์ กล่าว
หลังการหารือและรับฟังข้อเสนอแนะจากตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำทั้ง 6 อำเภอแล้ว ในที่ประชุมได้เห็นชอบให้ทาง บ.อีสท์วอเตอร์ ทำการเดินเครื่องเพื่อทดลองสูบน้ำได้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งในวันนี้ได้เริ่มเดินเครื่องสูบน้ำจำนวน 4 เครื่องจากทั้งหมด 8 เครื่องก่อนเป็นลำดับแรก และหากส่งผลกระทบต่อชาวบ้านจะทำการหยุดเดินเครื่องทันทีตามข้อตกลงกันในที่ประชุม จากนั้นจึงได้ให้ผู้ที่เดินทางมาร่วมประชุมได้เข้าเยี่ยมชมภายในบริเวณสถานีสูบน้ำ และกดปุ่มสตาร์ทเพื่อเดินเครื่องสูบน้ำไปตามลำดับ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: