ฉะเชิงเทรา – เจ้าของบ่อปลา เผยสงสัยทำไมคณะทีมงานคนลากปลามาล่าช้ากว่ากำหนด ก่อนตามเสียงหวูดรถไฟมาดูพบกลายเป็นเรื่องเศร้านอนเกลื่อนราง ระบุได้ยินแผดดังลั่นถี่ยิบไกลถึงกว่า 6 กม. ขณะ รฟท.เตรียมช่วยเหลือมนุษยธรรม ส่วนด้านท้องถิ่นล้อมคอกเร่งถมดินกลบหลุมบ่อกลางถนนก่อนถึงจุดตัดทางข้าม พร้อมปรับภูมิทัศน์ครั้งใหญ่ตัดถางหญ้าต้นไม้ที่บดบังจนเตียนโล่ง
วันที่ 4 ส.ค.66 เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดช่วงสายที่ผ่านมาจนถึงบ่าย ที่บริเวณจุดตัดทางข้ามรางรถไฟใกล้สถานีหยุดรถคลองอุดมชลจร บริเวณพื้นที่รอยต่อระหว่าง ม.6 และ ม.7 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุขบวนรถไฟสินค้าบรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์พุ่งชนรถยนต์กระบะจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 รายได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เมื่อช่วงเข้ามืด (02.20 น.) ที่ผ่านมาว่า ทาง อบต.คลองอุดมชลจร พร้อมเจ้าหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เร่งนำรถดับเพลิงพร้อมน้ำมาฉีดล้างบริเวณพื้นที่จุดเกิดเหตจนดูสะอาดไร้คราบความน่าสะพรึงกลัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา
จากนั้นเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณะภัย อบต. พร้อมคนงานได้ทำการใช้เครื่องตัดหญ้าจำนวนเกือบ 10 เครื่อง เข้ามาระดมเร่งตัดหญ้าบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ พร้อมใช้ยาฉีดพ่นฆ่าหญ้าตามรางรถไฟทั้ง 3 ช่องทาง โดยได้มีการนำหินคลุกมาลงกลบถมหลุมบ่อกลางถนนอีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งที่รถกระบะคันเคราะห์ร้ายกำลังจะข้ามไป โดนมีรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตรมาดันเกลี่ยกลบจนดูเป็นพื้นถนนเสมอกันแล้ว
นอกจากนี้ยังได้มีการซ่อมแซมแผ่นป้ายเตือนก่อนถึงทางข้ามรางรถไฟ และมีบางส่วนนำมาติดตั้งใหม่ รวมถึงได้มีการพยายามซ่อมแซมสัญญาณไฟที่พบว่ามีปัญหาในขณะเกิดเหตุตามการรายงานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อทาง จ.ฉะเชิงเทรา ด้วย โดยยังคงมีประชาชนใช้เส้นทางผ่านพื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะตลอดทั้งวัน
ขณะที่ นายวิเชียร แสงทับสอน อายุ 58 ปี เจ้าของบ่อเลี้ยงปลานิลในพื้นที่ ม. 5 ต.คลองอุดมชลจร กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาได้นัดหมายกับนายวิชัย อยู่เล็ก อายุ 54 ปี หัวหน้าคณะลากปลาจาก ต.ศีรษะจรเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ว่าจะนำคนงานมาลากปลายังที่บ่อในเวลา 02.00 น. แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายแล้ว นายวิชัย ยังมาไม่ถึงจึงได้ให้ภรรยาโทรติดตาม ส่วนตนนั้นได้ขับรถออกมาดู เนื่องจากได้ยินเสียงหวูดรถไฟดังแบบถี่ยิบจำนวน 4-5 ครั้ง คล้ายกับการเปิดหวูดแจ้งเตือนเหตุ
โดยเสียงหวูดดังลั่นออกมาไกลจนถึงบ่อปลาตนเองที่อยู่ห่างออกไปถึง 6 กม. และเมื่อมาถึงยังในที่เกิดเหตุจึงพบภาพเหตุการณ์น่าสลดดังกล่าว พร้อมกันกลับที่ภรรยาได้โทรศัพท์มาแจ้งเหตุให้ทราบพอดีหลังจากติดต่อกับนายวิชัย คนขับรถที่พาคณะลากปลามาได้แล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน สำหรับบ่อปลาของตนนั้น จะลากปลาเพียงประมาณปีละ 1 ครั้งเท่านั้น และนายวิชัย จะนำคนงานเข้ามาลากเป็นขาประจำ นายวิเชียร กล่าว
ต่อมาในเวลา 16.30 น. ทางสำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้ทำการเผยแพร่ข่าวถึงความคืบหน้ากรณีขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าคอนเทนเนอร์ที่ 833 ดีเซลเลขที่ 5240 มีต้นทางจากไอซีดีลาดกระบัง ปลายทางแหลมฉบัง ชนกับรถยนต์กระบะขนคนงานลากปลา บริเวณทางลักผ่านที่ไม่ได้รับอนุญาต หลัก กม.ที่ 43/9 ใกล้กับที่หยุดรถคลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งการรถไฟฯ ได้ติดตั้งป้าย และสัญญาณไฟเตือนครบถ้วนเพื่อพยายามช่วยในเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุดที่จะเป็นไปได้ แล้วนั้น
หลังเกิดเหตุ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือ และดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ โดยในเบื้องต้นได้สั่งการให้กองพนักงานสัมพันธ์และสวัสดิการ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ติดต่อให้ความช่วยเหลือในด้านมนุษยธรรมตามระเบียบของการรถไฟฯ กับครอบครัวผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตต่อไป ซึ่งการรถไฟฯ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บมา ณ โอกาสนี้
สำหรับการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางสำนักงาน คปภ.ฉะเชิงเทรา ได้ตรวจสอบพบว่า รถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 1ฒฆ-5942 กทม. ได้ทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 ไว้กับบริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) จึงได้ประสานงานกับบริษัทเทเวศ ฯ เพื่อประสานงานกับทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิตจากรถยนต์ที่เกิดเหตุ เกี่ยวเรื่องการเบิกจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยของบริษัทฯ
และสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 ราย ยังอยู่ระหว่างประสานงานไปยัง รพ.พุทธโสธร เพื่อรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลตามความคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยต่อไป โดยสำนักงาน คปภ.ฉะเชิงเทรา จะช่วยประสานงานและเร่งรัดให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างเป็นธรรม และจะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติมไว้อีกจะช่วยประสานงานให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้ต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: