ฉะเชิงเทรา – เสียงครวญในคืนสยอง หลังสิ้นหวีดรถไฟ ทำชาวบ้านยังขวัญผวาจากเสียงโอดโอยที่ร้องระงมขอความช่วยเหลือยังก้องติดหู ต่างเห็นตรงกันระบุในพื้นที่ไม่เคยเกิดเหตุร้ายแรงมาก่อน ถือเป็นครั้งแรกที่ต้องจดจำไปอีกยาวนาน วอน รฟท. หรือผู้เกี่ยวข้องปรับปรุงพื้นทางข้ามให้เสมอกัน พร้อมหาทางป้องกันหวั่นเกิดเหตุซ้ำซากไม่รู้จบ
วันที่ 5 ส.ค.66 เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.อภิญญา นาสมนึก อายุ 34 ปี ชาวบ้าน ม.7 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีบ้านเรือนพักอาศัยอยู่ติดกับรางรถไฟเลยห่างจากจุดเกิดเหตุ กรณีรถยนต์กระบะบรรทุกคนงานลากปลาข้ามทางตัดหน้าขบวนรถไฟ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 รายบาดเจ็บ 4 ราย ไปประมาณ 100 เมตรว่า ในคืนวันเกิดเหตุชาวบ้านได้ยิงเสียงคนร้องโอดครวญขอความช่วยเหลือดังระงมไปไกลเป็นเวลานานถึงประมาณ 15 นาที ก่อนที่เสียงจะเงียบหายไปทั้งหมด
ข่าวน่าสนใจ:
จึงทำให้เสียงร้องดังกล่าวยังคงดังก้องติดอยู่ในหูของชาวบ้าน จากการที่มีผู้มาเสียชีวิตในพื้นที่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้รู้สึกหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งปกติการข้ามทางรถไฟตรงจุดนี้ถ้าหากเป็นคนในพื้นที่นั้น จะรู้และจะมัดระวังเป็นพิเศษ โดยจะต้องหยุดรถรอดูและมองซ้ายมองขวาซ้ำกันหลายครั้งจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีรถไฟมาจึงจะขับรถข้ามรางรถไฟไป เนื่องจากแนวของรางรถไฟในบริเวณนี้กว้างมาก เพราะมีมากถึง 3 รางเรียงรายกัน
แต่ผู้ที่มาประสบอุบัติเหตุนั้นเป็นคนที่มาจากที่อื่นจึงอาจไม่รู้ว่าจะมีรถไฟมารางไหน เพราะรางกว้างหลายราง อีกทั้งบริเวณทางข้ามยังเป็นเนินสูงชันที่เป็นอุปสรรคในเวลาจะขับรถข้ามไปนั้น ตัวรถจะอยู่ในลักษณะแหงนขึ้นฟ้าหรือหน้าเชิดลอย แต่ก็จำเป็นต้องข้ามไปเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เนื่องจากการรถไฟเขาทำเอาไว้แบบนี้ แต่หากเป็นไปได้นั้นอยากให้เขามาปรับปรุงให้พื้นมีความเรียบเสมอกันกับแนวของถนนทางข้ามจะทำให้ผู้ใช้ทางสังเกตุเห็นขบวนรถไฟได้ง่ายมากขึ้น
หลังจากมีผู้คนมาเสียชีวิตจำนวนมาก จากนี้ไปจะทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวสิ่งเร้นลับในที่เกิดเหตุต่อไปอีกนาน เพราะอยู่ใกล้ๆ กันกับบ้านพัก โดยที่ผ่านมาแม้จะเคยเกิดอุบัติเหตุ มีผู้ใช้ทางข้ามไปถูกขบวนรถไฟชนมาแล้วประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยมีใครเสียชีวิตในบริเวณนี้มาก่อนเลย โดยในครั้งนี้ถือว่าหนักมาก เพราะรางรถไฟมันกว้างเกินไป จากเดิมนั้นเคยมีแค่เพียงรางเดียว จึงมองเห็นขบวนรถไฟได้ง่ายกว่า ก่อนที่จะขับรถข้ามไป และนอกจากรางรถไฟแถวนี้จะกว้างมากถึง 3 รางแล้ว บางครั้งยังมีขบวนรถไฟขับมาวิ่งสวนกันในบริเวณนี้อีกถึง 2 ขบวนในเวลาเดียวกัน จึงทำให้คนข้ามทางรถไฟระวังยากขึ้น น.ส.อภิญญา กล่าว
ขณะที่ นางปราณี จันทร์พิมล อายุ 73 ปี ชาวบ้าน ม.7 ต.คลองอุดมชลจร ซึ่งมีบ้านเรือนอยู่ตรงบริเวณเชิงเนินทางข้าม ก่อนที่จะขึ้นไปสู่บนแนวรางรถไฟทางฝั่งด้านที่รถยนต์กระบะคันเกิดเหตุจะขับข้ามไปยังฝั่งของพื้นที่ ม.6 ต.คลองอุดมชลจร ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของรางรถไฟว่า ที่ผ่านมาบริเวณจุดข้ามทางรถไฟตรงนี้ได้เคยเกิดอุบัติมาบ้างแล้วเช่นกัน ประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้มีใครมาเสียชีวิตที่นี่ โดยสมัยก่อนนั้นเป็นเพียงทางข้ามลูกรังที่มีระดับไม่สูงมากนัก จึงมองเห็นรถไฟง่ายกว่า นางปราณี กล่าว
ส่วนด้าน นายอนันต์ นาสมนึก อายุ 61 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.คลองอุดมชลจร กล่าวว่า ทางข้ามรางรถไฟในบริเวณนี้ผู้ใช้ทางขับรถข้ามไปมาลำบากเพราะมีรางรถไฟหลายราง และยังมีความกว้างมากทั้งยังต่างระดับไม่เสมอกันในแต่ละรางอีกด้วย โดยเฉพาะผู้ที่ขับรถมาจากต่างถิ่นนั้น จะไม่มีความชำนาญในการข้ามรางรถไฟในบริเวณนี้เลย จึงอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
โดยที่ผ่านมาเคยเกิดอุบัติมา 3-4 ครั้งแล้ว ล้วนแต่เป็นผู้ที่มาจากต่างพื้นที่ทั้งหมด แต่ยังไม่มีใครเสียชีวิต เพิ่งมีการเสียชีวิตเป็นครั้งแรกจากอุบัติเหตุในครั้งนี้จำนวนหลายราย แต่สำหรับคนพื้นที่นั้นจะรู้ทาง โดยทราบว่าเขากำลังจะมีโครงการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงผ่าน และอาจจะมีการปรับระดับพื้นผิวทางใหม่ในอนาคตก็เป็นได้ นายอนันต์ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: