ฉะเชิงเทรา – ตำรวจยังไม่ตั้งข้อกล่าวหา คนขับรถยนต์กระบะตัดหน้าขบวนรถไฟ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 8 รายได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ระบุเจ้าตัวยังเดินสายขอบวชหน้าไฟให้แก่เหยื่อทุกราย เผยผู้ได้รับบาดเจ็บยังมีอาการหนัก 2 ราย มีเลือดคลั่งในสมอง 1 ราย และอาการทางกระดูกแขนขาหัก 1 ราย ที่ยังรอสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมเตรียมทำเรื่องขอภาพกล้องวงจรปิดหน้าหัวรถจักรจากทางการรถไฟ
วันที่ 7 ส.ค.66 เวลา 08.40 น. ร.ต.อ.ธีรวัต พรประสิทธิ์ รองสารวัตรเวร สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กรณีขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าพุ่งชนรถยนต์กระบะบริเวณจุดตัดทางข้ามใกล้กับสถานีหยุดรถไฟคลองอุดมชลจร พื้นที่รอยต่อ ม.6 และ ม.7 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 02.20 น. วันที่ 4 ส.ค.66 ที่ผ่านมาได้กล่าวเปิดเผยว่า
ข่าวน่าสนใจ:
ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อคนขับรถยนต์กระบะคันที่ขับขึ้นมาตัดหน้าขบวนรถไฟบรรทุกสินค้า เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการสอบสวนพยานเพิ่มเติมโดยเฉพาะผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่นั่งมาภายในตัวรถที่เชื่อว่าน่าจะสามารถให้ข้อมูลรายละเอียดที่เป็นประโยชน์ต่อทางคดีได้มากขึ้น โดยยังคงต้องรอให้คนเจ็บได้พักรักษาตัวไปก่อน ส่วนคนขับรถยนต์กระบะนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเดินทางไปร่วมงานศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 8 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นเครือญาติกันทั้งนั้น
โดยคนขับได้ทำการบวชหน้าไฟให้แก่ผู้ที่เสียชีวิตทุกราย ขณะเดียวกันทราบว่าที่หัวรถจักรของขบวนรถไฟที่ 833 เลขหัวจักรที่ 5240 แบบอุลตร้าแมนนั้น มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ด้านกน้ารถด้วย ขณะนี้จึงเตรียมที่จะทำเรื่องขอภาพจากกล้องหน้ารถมาประกอบทางคดีด้วย และสำหรับสัญญาณไฟเตือนที่บริเวณจุดตัดทางข้ามดังกล่าวนั้น หลังการตรวจสอบแล้วพบว่ายังใช้งานได้เป็นปกติ โดยที่รางมีเซ็นเซอร์ตรวจจับสัญญาณขณะขบวนรถผ่านในระยะ 800 เมตร ก่อนที่จะมาถึงยังบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งเป็นจุดตัดกับทางรถยนต์
นอกจากนี้คนที่กระโดดลงมาจากรถกระบะ หลังมองเห็นว่าน่าจะขับผ่านไปไม่พ้น ได้ให้การว่ามองเห็นสัญญาณไปกระพริบเตือนทางข้าม สำหรับอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น ขณะนี้ยังคงนอนพักรักษาอาการอยู่ที่ รพ.พุทธโสธร จำนวน 2 ราย และอีกหนึ่งรายนั้นได้ไปพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.บางนา 2 จ.สมุทรปราการ ตามสิทธิการรักษา ซึ่งพบว่ามีอาการเลือดออกในสมองด้วย ร.ต.อ.ธีรวัต กล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ลงพื้นที่ไปสังเกตการณ์ เกี่ยวกับการทำงานของระบบเสียงและสัญญาณไฟเตือนให้ผู้ใช้ทางข้ามทราบในขณะที่ขบวนรถไฟกำลังจะผ่านมา โดยพบว่าสัญญาณเสียงและไฟเตือนด้านฝั่งมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ นั้นได้มีอาการติดค้างอยู่เป็นเวลานานมากหลายนาทีกว่าจะตัดการทำงาน หรือหยุดแจ้งเตือนล่าช้าทั้งที่ขบวนรถได้ผ่านเลยไปนานแล้ว จึงทำให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางจำนวนหลายรายนั้นได้พากันขับรถข้ามไปก่อน เนื่องจากมองไม่เห็นว่ามีขบวนรถผ่านมา
แต่สัญญาณเสียงและไฟเตือนทางด้านฝั่งขาขึ้นมุ่งหน้าฉะเชิงเทรานั้น กับมีการแจ้งเตือนล่าช้าหรือแจ้งเตือนในระยะกระชั้นชิดมากเกินไป ทั้งที่หัวรถจักรกำลังจะเข้ามาถึงยังบริเวณจุดตัดแล้ว สัญญาณไฟจึงเริ่มกระพริบแจ้งเตือน และหลังจากขบวนรถผ่านไปได้ไม่นานสัญญาณเตือนดังกล่าวได้ดับหายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีบางช่วงเวลายังได้มีขบวนรถขับมาสวนทางกันตรงบริเวณจุดเกิดเหตุนี้อีกด้วย จึงทำให้สัญญาณไฟขึ้นสับสน กลับกันไปมา ทำให้ผู้ที่หยุดรออยู่เข้าใจผิด คิดว่าสัญญาณไฟเสียเพราะต้องจอดรอรถไฟอีกขบวนนานกว่าจะมาถึง จึงทำให้มีบางรายได้ฝ่าทางข้ามผ่านไปก่อน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: