ฉะเชิงเทรา – นักวิชาการแปดริ้วฟันธง เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เหตุยังต้องหา สว.หนุนอีกนับร้อย ประกอบกับศึกภายในเริ่มคุกรุ่น จากเกมสกัด 2 ลุงทำประตูหน้าบันไดไต่สู่เก้าอี้นายกฯ ถูกปิดตาย หวั่นสั่นคอนถึงเอกภาพทำพรรคอ่อนแอภายหลัง ชี้แคมเปญไล่หนูตีงูเห่าตามหลอกหลอน ที่สุดท้ายกลายมาเป็นคู่หมั้นในการจัดตั้งรัฐบาล
วันที่ 8 ส.ค.66 เวลา 14.40 น. ผศ.นพพร ขุนค้า อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชครินทร์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้กล่าวถึงการแถลงจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลของ พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย เมื่อวานนี้ว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยได้สลัดพรรคก้าวไกลออกไปแล้ว และมาตั้งกลุ่มใหม่โดยการฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมจากก้าวไกล มาจับมือกับพรรคภูมิใจไทย จึงทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
จึงมองว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยที่มี 141 เสียง รวมกับภูมิใจไทย 71 เสียง ในการก่อตัวเป็นสารตั้งต้น 212 เสียง และยังประกาศว่าจะจัดตั้งโดยที่ไม่มีสองลุงด้วยนั้น จึงทำให้ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องยากที่เพื่อไทยและภูมิใจไทยจะทำสำเร็จ แม้จะรวมเสียงจากสภาผู้แทนราษฎรได้เกินครึ่ง แต่โอกาสที่จะได้เสียง สว.มาร่วมสนับสนุนนั้น จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อความจริงนั้น สว.มีอยู่แค่ 2 ค่าย
ข่าวน่าสนใจ:
คือ ฝั่งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ถ้าไม่มีพรรค 2 ลุงเลยนั้น จึงคิดว่าน่าจะผ่านวุฒิสภาได้ยาก ในการที่จะจัดตั้งรัฐบาล เว้นเสียแต่ว่าในการโหวตนายกรัฐมนตรี จะไม่มีพรรค 2 ลุงในระยะแรก แต่เมื่อโหวตนายกรัฐมนตรีผ่านไปแล้ว พรรค 2 ลุงจะเข้ามารวมในภายหลัง โดยอาจจะมีการใช้เทคนิควิธีการดึงกลุ่มการเมืองในพรรคของ 2 ลุงเข้ามาในภายหลัง ซึ่งถือว่ามีโอกาสจะเกิดขึ้นได้
แต่หากถ้าไม่มีพรรคของ 2 ลุงเข้ามาเลยนั้น เชื่อได้เลยว่าพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย จะไม่สามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เนื่องจากทางพรรคเพื่อไทยยังได้เสียง สว.มาสนับสนุนไม่ครบ และต้องไม่ลืมว่าเพื่อไทยนั้นจะต้องหาเสียง สว.มาให้ได้อย่างมากมาย
ซึ่งมากกว่าครั้งที่พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการโหวตนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยในครั้งนี้พรรคเพื่อไทยยังจะต้องหาเสียง สว.มาสนับสนุนให้ได้มากถึง 114 เสียงเป็นอย่างต่ำ จากเมื่อครั้งที่แล้วใน 8 พรรคร่วมเอ็มโอยูเดิมนั้น มีเสียงรวมกันมากถึง 312 เสียงแล้ว และเขายังขาดเสียง สว.มาสนับสนุนอีกเพียง 64 เสียง
แม้ในขณะนี้หากเพื่อไทยรวมกันได้ 260 กว่าแล้วก็ยังต้องการเสียง สว.อีกนับร้อยเสียง ซึ่งการหาจำนวน สว.มากถึงหลักร้อยนั้น หากไม่ได้ไฟเขียวมาจากบุคคลที่ สว.เกรงใจ ซึ่งเราก็ทราบกันดีว่าเป็นใคร ในส่วนตัวจึงคิดว่ายากในการที่จะได้เสียง สว.มาโหวตจนครบถึง 375 เสียง จึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ สุดท้ายจึงมองว่ายาก และยังบอกได้เลยว่าการตั้งรัฐบาลของเพื่อไทย ภายใต้วลีที่สวยหรูว่า “จะไม่มีลุง” แต่ในทางปฏิบัตินั้น เมื่อเพื่อไทยไม่มีลุงจะทำให้จัดตั้งรัฐบาลยาก
ส่วนสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ต้องคอยติดตามว่า เพื่อไทยและภูมิใจไทยจะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จหรือไม่ หากไม่มีลุงใดลุงหนึ่งเข้ามา ซึ่งมองดูค่อนข้างยาก และหากสำเร็จก็จะต้องมีลุงเข้ามาภายหลังอยู่ดี แม้เบื้องต้นจะไม่มีลุง แต่ลุงจะต้องมา และหากถ้าไม่สำเร็จเลยแล้วนั้น เชื่อว่าเพื่อไทยจะส่งไม้ต่อไปให้แก่พรรคอันดับที่ 3 คือ พรรคภูมิใจไทย และเป็นที่แน่นอนว่าภูมิใจไทยกับพรรค 2 ลุงนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ส่วนเพื่อไทยจะกลายเป็นพรรคร่วม
โดยเมื่อถึงตรงนี้ต้องจับตาว่า ถ้าพลาดในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ใช่เพื่อไทย จึงมองว่าน่าจะเป็นภูมิใจไทย นอกจากนี้ภายในพรรคเพื่อไทยเองนั้น ยังมี ส.ส.บางส่วนไม่สบายใจที่มีการฉีกเอ็มโอยูร่วมกับพรรคก้าวไกลเดิม แม้จะยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าจะมาร่วมกับ 2 ลุง แต่เพียงแค่มารวมกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็ยังเกิดความไม่สบายใจกันแล้ว ตัวอย่างเช่นในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เองนั้น
คือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนางฐิติมา ฉายแสง ที่ได้ออกมาเปิดเผยถึงความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นหากต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลร่วมด้วย โดยที่ได้มีการระบุว่า ไม่รู้ว่าจะกลับไปตอบคำถามกับประชาชนในพื้นที่ ผู้ให้การสนับสนุนมาว่าอย่างไร ทั้งยังต้องยอมรับว่าความเป็นเอกภาพภายในของพรรคเพื่อไทยเองนั้น มีผลกระทบเกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากยังมี ส.ส.บางส่วนที่ยังไม่เห็นด้วย
โดยหลายคนเกรงว่าสิ่งที่จะตามมาหลอกหลอนพรรคเพื่อไทยต่อไปในอนาคตนั้น คือ สิ่งที่ตนเองได้เคยพูดเอาไว้ก่อนการเลือกตั้ง และถือว่าเป็นสิ่งที่เพื่อไทยจะตอบกับสังคมได้ลำบาก แม้จะยังไม่มี 2 ลุง เข้ามา แต่เมื่อบอกว่ามาร่วมกับ นายยอนุทิน แล้ว “แคมเปญไล่หนูตีงูเห่า” ที่เคยพูดไว้ ยังมีพี่น้องประชาชนออกมาตั้งคำถามกันแล้ว ว่า ก่อนเลือกตั้งนั้นมีแคมเปญนี้ แต่หลังการเลือกตั้งกลับกลายเป็นการมานั่งเป็นคู่หมั้นกัน พี่น้องประชาชนหลายส่วนและแฟนคลับเพื่อไทยนั้นต้องยอมรับว่าเกิดความไม่สบายใจจากการกระทำของพรรคที่เกิดขึ้นในครั้งนี้แล้ว ผศ.นพพร กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: