ฉะเชิงเทรา – โชเฟอร์สองแถว เช่าเหมารายวันขับรับส่งผู้โดยสารประจำทางโอด เหลือค่าแรงหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วได้เงินกลับบ้านไปยาไส้ลูกเมียเพียงวันละ 150 บาท เหตุจากพลังงานก๊าซ NGV ย่องเงียบปรับขึ้นไม่หยุด ต่อเนื่องถึง 3 ระลอกจนใกล้แตะ 20 บาทต่อ กก. ส่วนด้านชาวบ้านข้องใจงุนงงเกี่ยวกับต้นทุนเนื้อในราคาพลังงานที่อาจแพงเกินจริง ถามเหตุใดจึงแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่ยังขายถูกกว่าได้
วันที่ 19 ก.ย.66 เวลา 11.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศบริเวณสถานีบริการเติมก๊าซ NGV หรือ CNG ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากมีการปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องครั้งละ 1 บาทมาแล้วถึง 3 ครั้งในช่วงทุกระยะ 4 เดือนที่ผ่านมาว่า สถานีบริการหลายแห่งเริ่มมีลูกค้าลดน้อยลง แต่ยังมีบางแห่งที่อยู่ในจุดทางผ่านของรถบรรทุกและรถขนส่งสาธารณะ ยังคงมีลูกค้าทยอยเข้ามารอคิวเติมก๊าซกันหนาตา
เมื่อสอบถามถึงความเดือดร้อนของผู้ใช้ก๊าซ NGV หลังจากราคาก๊าซขยับขึ้นมาอีก 1 บาทต่อ กก. เมื่อ 3 วันก่อน จากนายอธิคม ตันมี อายุ 42 ปี ชาว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ตนมีอาชีพขับรถสองแถวประจำทางรับส่งผู้โดยสาร ระหว่างสถานีขนส่งฉะเชิงเทรา มายังตลาดลาว อ.บางปะกง ลักษณะเช่าเหมาคันเป็นแบบรายวัน ในราคาค่าเช่าคันละ 400 บาท โดยจะต้องเติมก๊าซ NGV วันละประมาณกว่า 300 บาท
เมื่อหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วหลังจากเก็บค่าโดยสารได้ จะเหลือเงินกลับบ้านอยู่เพียงแค่วันละประมาณ 150-200 บาทเท่านั้น จนแทบไม่พอกิน จากเดิมที่ราคาก๊าซยังขายอยู่ที่ราคา กก.ละ 16 บาทเศษนั้นยังพอมีเงินเหลือกลับบ้านวันละ 300-400 บาท และเมื่อราคาก๊าซขยับขึ้นมาอีกหลายครั้ง จากเดิมที่ กก.ละ 16 บาทเศษมาจนถึง 19.64 บาทในราคาหน้าปั้มวันนี้ ทำให้แทบจะไม่เหลืออะไรเลย
อีกทั้งผู้โดยสารก็ยังมีน้อยลงจนแทบจะไม่มีคนขึ้นรถ เช่น ในวันนี้ที่ต้องวิ่งรถเที่ยวเปล่ากลับจากสถานีขนส่งฉะเชิงเทราไปยัง อ.บางปะกง ก็แทบจะไม่ได้อะไรแล้ว เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางวัน ที่ไม่มีผู้โดยสารเดินทางขึ้นรถ จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องช่วยพิจารณาลดค่าก๊าซ NGV ลงมาบ้าง เพราะเห็นมีแต่ประกาศว่าจะลดแต่เฉพาะราคาค่าน้ำมันค่าไฟฟ้าเท่านั้น โดยยังไม่เห็นรัฐบาลชุดใหม่นี้พูดถึงเรื่องราคาของก๊าซ NGV บ้างเลย นายอธิคม กล่าว
ส่วนด้าน นางนงนุช กิตติโก อายุ 55 ปี ชาวกรุงเทพฯ ที่ต้องเดินทางมาทำงานยังในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา วันละ 80-100 กม. เป็นประจำทุกวันกล่าวว่า อยากฝากถามไปถึงยังรัฐบาลชุดใหม่ว่า ราคาพลังงานของประเทศไทยนั้น ทำไมจึงแพงแตกต่างไปจากราคาของประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่นประเทศมาเลเซีย ที่มีราคาถูกกว่ากันมากถึงเกือบครึ่ง โดยเขาขายน้ำมันกันอยู่ที่ราคาลิตรละไม่เกิน 30 บาท
ขณะที่ราคาในประเทศไทยเรา โดยเฉพาะน้ำมันกลุ่มเบนซินนั้นแพงถึงลิตรละกว่า 40 บาท ทำให้ได้รับผลกระทบจากค่าเดินทางและรายได้ที่ได้รับนั้นแทบไม่เหลืออะไร เนื่องจากราคาน้ำมันนั้นเวลาปรับขึ้นจะทำแบบก้าวกระโดด แต่ในเวลาจะปรับลดลงนั้น ลดลงครั้งละเล็กทีละน้อยเพียงไม่กี่สตางค์เท่านั้น ผิดกับในช่วงเวลาขาขึ้น ที่เร่งก้าวกระโดดแบบต่อเนื่องกันหลายครั้ง จึงอยากให้รัฐบาลชุดใหม่นี้ ช่วยไปรื้อโครงสร้างดูราคาเนื้อในของน้ำมันที่แท้จริงดูบ้าง ว่าที่แพงขึ้นสูงมากกว่าเพื่อนบ้านขนาดนี้เพราะอะไร ซึ่งหากราคาน้ำมันลดลงมาอยู่ที่ระดับลิตรละไม่เกิน 30 บาทจะเป็นจุดที่ประชาชนพึงพอใจยอมรับได้ นางนงนุช กล่าว
