X
พ่วงทำล้อปลิวว่อน

สาวใหญ่ระทึก รถพ่วงทำล้อปลิวว่อนตำรถกระบะเสียหาย โชคดีไร้คนเจ็บ

ฉะเชิงเทรา – สาวใหญ่ระทึก หลังล้อรถบรรทุกพ่วงหลุดปลิวว่อนบนถนนตำเข้ากับรถยนต์กระบะเสียหาย โชคดีไร้เจ็บ ขณะรถที่ขับตามหลังกันมาพากันหักหลบวุ่นบนถนนสาย 314 ฉะเชิงเทรา-บางปะกง เบื้องต้นทั้งสองฝ่ายมีการทำประกันภัยภาคสมัครใจไว้ ก่อนยินยอมตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันได้ในที่สุด

ล้อปลิว

วันที่ 2 ต.ค.66 เวลา 17.00 น. ร.ต.ท.ธนวัฒน์ ทองเจริญ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.แสนภูดาษ จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุล้อรถบรรทุกพ่วงปลิวหลุดออกมาจากตัวรถ ขณะกำลังวิ่งอยู่บนท้องถนน สาย 314 ฉะเชิงเทรา-บางปะกง (สิริโสธร) ก่อนกลิ้งไปชนเข้ากับเสาไฟฟ้าริมทาง และยังกระดอนปลิวกลับมาตกอยู่บนท้องถนนในลักษณะส่ายไปมา ที่บริเวณด้านหน้าปากทางเข้าปั้มก๊าซ NGV พื้นที่ ม.1 ต.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา โดยที่รถพ่วงยังได้ขับหลบหนีไป จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ

แพ็กคู่

ที่เกิดเหตุพบเพียง น.ส.พนิตนันท์ ปลั่งกลาง อายุ 50 ปี พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ศรีมหาโพธิ์ อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี กำลังยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ริมข้างทางด้านฝั่งขาเข้า กทม. มุ่งหน้า อ.บางปะกง พร้อมด้วยรถยนต์กระบะแบบแค็บ ยี่ห้ออีซูซุคันสีขาว หมายเลขทะเบียน บษ-9913 พระนครศรีอยุธยา สภาพบริเวณหัวมุมกันชนด้านหน้าขวาของตัวรถมีร่องรอยของการเฉี่ยวชน

โชคดีหักหลบทัน

ห่างออกไปในเลนด้านขวาสุดประมาณ 20 เมตรจากทั้งหมด 3 ช่องจราจร มีล้อของรถบรรทุกขนาดใหญ่แบบแพ็กคู่กลิ้งไปนอนหยุดนิ่งพิงอยู่กับแนวขอบคอนกรีตเกาะกลางถนน จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรช่วยกันเก็บนำขึ้นรถกลับมายังที่ สภ.แสนภูดาษ ไว้เป็นหลักฐาน ก่อนแนะนำให้ทางฝ่ายของผู้เสียหายเดินทางเข้ามาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

กลับมาชดใช้

แต่ต่อมาได้มีเจ้าของรถบรรทุกแบบถึงพ่วงขนาด 18 ล้อ ลักษณะด้านหลังมีคอกบรรทุกดินลูกรังยี่ห้ออีซูซุหัวสีขาว หมายเลขทะเบียนหัวลาก 71-4634 นครราชสีมา เลขทะเบียนหางพ่วง 69-4469 กรุงเทพฯ เดินทางเข้ามาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของล้อรถบรรทุกดังกล่าว พร้อมกับได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการแจ้งให้ทางบริษัทประกันภัยเข้ามาชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น

ล้อหลุดหาย

โดย น.ส.พนิตนันท์ เล่าถึงวินาทีระทึกว่า ระหว่างที่กำลังขับรถเดินทางออกมาจากในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี มุ่งหน้าไปยังกรุงเทพฯ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุกำลังขับรถอยู่บนช่องทางที่ 2 จากทั้งหมด 3 ช่องจราจรด้านฝั่งขาเข้า กทม. ได้มีวัตถุทรงกลมสีดำ ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นล้อรถบรรทุกหลุดพุ่งตรงเข้ามาหาตัวรถคันที่ตนเองขับตามมาในระยะที่มองเห็นได้ ห่างประมาณ 20 เมตร จึงได้พยายามที่จะหักพวงมาลัยรถหลบออกมาทางด้านซ้าย

หลุดหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เนื่องจากเกรงว่าวัตถุดังกล่าวจะพุ่งเข้ามาใส่ ตรงกับที่นั่งของตนเองที่กำลังขับรถอยู่พอดี จนตัวรถถูกล้อรถบรรทุกที่ปลิวหลุดออกมาพุ่งเข้ามาชนที่บริเวณกันชนหน้าด้านขวาของตัวรถ จนได้รับความเสียหายดังกล่าว โดยถือว่ายังโชคดีที่ตนเองนั้นมีสติดีอยู่ ที่สามารถหักหลบล้อรถคู่นั้นไม่ให้พุ่งตรงขึ้นมาที่ด้านหน้ารถ ซึ่งมีแนวทิศทางพุ่งเข้ามาที่ตรงกลางกระจกแผงหน้ารถพอดี น.ส.พนิตนันท์ กล่าว

ล้อหายบนท้องถนน

ขณะที่ นายคมสันต์ เงาศรี อายุ 24 ปี ชาว อ.คง จ.นครราชสีมา คนขับรถบรรทุกพ่วง เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุนั้นไม่ทราบว่าว่าล้อรถบรรทุกคันที่ตนขับมานั้น หลุดออกจากตัวรถไปได้อย่างไร เพราะไม่ได้ยินเสียงอะไรดังขึ้นจึงได้ขับเลยไป แต่ได้มีรถบรรทุกพ่วงที่ขับรถบรรทุกดินไปลงในไซด์งานเดียวกัน ที่ขับตามหลังมา ได้ตามมาแจ้งบอกให้ทราบว่าล้อรถคันของตน ได้หลุดปลิวไปชนเข้ากับรถคันอื่นจึงได้กลับรถย้อนกลับมายังที่ สภ.แสนภูดาษ จนมาพบกับทางฝ่ายผู้เสียหาย

หลุดหาย

โดยหากตนรู้ว่าล้อรถหลุด ก็คงหยุดรถแล้วจอดรออยู่ในที่เกิดเหตุตั้งแต่แรก ซึ่งปกติตนนั้นขับรถบรรทุกแบบกระบะเรียบ เพิ่งไปซื้อหางพ่วงบรรทุกดินมือสองมาได้ไม่นาน เพื่อนำมารับจ้างบรรทุกดินจากในเขตพื้นที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี มาส่งลงยังที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ติดกับถนนเลียบมอเตอร์เวย์ สาย 7 ในพื้นที่ อ.บางปะกง โดยขณะเกิดเหตุนั้นขับรถมาเป็นพ่วงเปล่าไม่มีดินลูกรังอยู่ในรถ ตัวรถจึงเบาไม่มีน้ำหนักบรรทุก จึงทำให้เมื่อล้อรถหลุดออกไปแล้วคนขับไม่ได้รู้สึกอะไร เนื่องจากตัวรถไม่ได้ทรุดหรือยุบตัวลง และยังไม่ทราบว่าล้อหลุดออกจากตัวรถไปได้อย่างไร นายคมสันต์ กล่าว

ล้อหายกลางทาง

ด้าน ร.ต.ท.ธนวัฒน์ กล่าวว่า เหตุการณ์ล้อรถบรรทุกปลิวหลุดพุ่งไปชนเข้ากับรถยนต์ของผู้ใช้เส้นทางรายอื่นบนท้องถนนในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ เนื่องจากทั้งคู่ได้มีการทำประกันภัยภาคสมัครใจไว้ โดยยังอยู่ระหว่างรอให้ทางบริษัทประกันภัยของฝ่ายรถบรรทุก มาดำเนินการทำเคลมชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งเบื้องต้นได้ทำการเปรียบเทียบปรับผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกพ่วง ในข้อหาขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่น (รถยนต์) ได้รับความเสียหาย เป็นเงินจำนวน 400 บาทไว้แล้ว ร.ต.ท.ธนวัฒน์ กล่าว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน