ฉะเชิงเทรา – เรือใหญ่ เห็นแสงไฟระยิบลอยปิ่มกระเพื่อมอยู่เหนือผิวน้ำกลางทะเล ส่องกล้องเห็นเป็นหนุ่มใหญ่วัย 46 ปีคาดไฟฉายรัดศีรษะลอยคอล่องมาอย่างอ่อนแรง ระบุเป็นชาวประมงพื้นบ้านจากเมืองชลบุรีถูกคลื่นซัดจนเรือล่มจมกลางดึก กอดกระติกน้ำประคองชีวิตลอยคอมาไกลจนถึงปากอ่าวบางปะกง เผยออกเรือเล็กหาปลาดุกทะเลข้ามคืนได้มากจนเต็มลำ ก่อนถูกน้ำซัดจากกระแสลมแรงจมดิ่งหายวับสู่ก้นทะเลหมดสิ้นทั้งลำ
วันที่ 2 พ.ย.66 เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณท่าเรือกลุ่มเกษตรกรประมงบางปะกง ตั้งอยู่ด้านหลังตลาดล่างบางปะกง พื้นที่ ม.10 ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีต้นหนเรือขุดของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ชื่อเรือ BDC1 ได้ทำการช่วยเหลือหนุ่มใหญ่วัย 46 ปี ผู้ประสบภัยจากเรือประมงล่ม นำมาส่งขึ้นฝั่งยังที่ท่าเทียบเรือในสภาพอิดโรยอ่อนแรงและยังคงอยู่ในสภาวะหนาวสั่นอยู่ตลอดเวลา
ข่าวน่าสนใจ:
- ปราจีนบุรี สาวแม่ลูกอ่อนผวา ช้างป่าพี่งาเดียว เดินในหมู่บ้านตอนเที่ยง
- เปิดสะพานข้ามแยกสระขวัญชั่วคราวช่วงเทศกาลปีใหม่ จ.สระแก้ว ส่วนเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอ่างฤาไนเปิดใช้เส้นทางช่วงกลางคืน
- เลขา รมต.กระทรวงทรัพย์ฯ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาช้างป่า จ.ปราจีนบุรี
- เสน่ห์แสงสีชวนให้ผู้คนหลงใหล แสงไฟคริสต์มาสในสวนมรุพงษ์
ก่อนที่จะพยายามเรียกรถกู้ชีพฉุกเฉิน 1669 ให้มาทำการช่วยเหลือ และช่วยติดต่อประสานงานตามหาญาติของหนุ่มรายนี้ให้ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนกระทั่งในเวลาประมาณ 08.40 น. จึงได้มีภรรยาพร้อมญาติๆ ของผู้ประสบภัยได้เดินทางมารับตัว นายหลอด วิชัยวงษ์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85/7 ม.3 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี เพื่อเดินทางนำกลับไปพักรักษาตัวยังในพื้นที่ จ.ชลบุรี เนื่องจากนายหลอด ยังคงอยู่ในสภาวะอาการหนาวสั่นและอ่อนแรง
จากการสอบถาม นายสมยศ ละมัยกลาง อายุ 66 ปี ชาว ม.8 ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นต้นหนเรือ ผู้ควบคุมเรือขุดร่องน้ำ เล่าว่าเมื่อเวลา 05.00 น. ของวันนี้ ขณะเรืออยู่ในบริเวณร่องน้ำมุ่งหน้าไปยังจุดทอดสมอเพื่อหยุดพักที่บริเวณกลางลำน้ำ หน้าปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง เยื้องท่าเทียบเรือของโรงงานรีดเหล็ก บริษัทสหวิริยาเพลทมิล จำกัด (มหาชน) ตนได้สังเกตเห็นแสงไฟซึ่งมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ ลอยเข้ามาใกล้ร่องน้ำในระยะห่างจากเรือประมาณ 500 เมตร
ซึ่งครั้งแรกเข้าใจว่าเป็นแสงไฟจากหัวหลักผูกทุ่นตาข่ายหาปลาของชาวบ้าน แต่เพื่อความแน่ใจเนื่องจากได้เข้ามาขุดร่องน้ำในบริเวณนี้มานานถึงกว่า 1 เดือนแล้วไม่เคยพบเห็นแสงไฟดวงนี้มาก่อน จึงได้ทำการส่องกล้องจากหัวเรือมองดูให้แน่ชัด โดยพยายามส่องดูถึง 3 ครั้งเนื่องจากแสงไฟเป็นจุดเล็กมาก จนพบว่าเป็นศีรษะคนที่กำลังลอยปริ่มน้ำรอขอความช่วยเหลืออยู่
โดยมีไฟฉายแบบรัดศีรษะยังคงส่องสว่างติดอยู่ที่ศีรษะด้วย จึงได้สั่งให้ลูกเรือนำเรือเล็กซึ่งเป็นเรือท้องแบนหางยาวลง ก่อนที่จะพากันเข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ที่กำลังลอยคออยู่ในทะเลขึ้นมาดังกล่าว จนทราบว่าเป็นเหตุเรือล่ม เนื่องจากเรือประมงขนาดเล็กได้ถูกคลื่นซัดขณะกำลังออกไปปักเบ็ดอยู่กลางทะเลเมื่อช่วงกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา ในระยะห่างจากฝั่งประมาณ 5 ไมล์ทะเล และนำเข้ามาส่งห่างจากจุดที่พบประมาณ 3 ไมล์ทะเล
โดยครั้งแรกที่พบแสงไฟที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำนั้น ตนได้รู้สึกเอะใจขึ้นมาแต่แรกแล้วว่า อาจจะไม่ใช่เรื่องปกติ เนื่องจากเคยมีประสบการณ์จากการช่วยเหลือคนที่ลอยคออยู่กลางทะเลมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะในเหตุการณ์สึนามิ ซึ่งเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่มีคลื่นยักษ์พัดถล่มภาคใต้เมื่อปี 2547 นั้น เรือลำนี้ได้เคยช่วยเหลือคนที่เรือแตก นำกลับมาขึ้นฝั่งมาแล้วเป็นจำนวนมากหลายร้อยคน หรือเกือบนับพันคนในเหตุการณ์ครั้งนั้น ขณะกำลังไปทำงานขุดลอกร่องน้ำที่ จ.กระบี่ โดยเป็นเรือขนาดกว้าง 13 เมตร ยาว 75 เมตร มีลูกเรือทั้งหมด 18 คน นายสมยศ กล่าว
ขณะที่นายหลอด เล่าว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตนได้นำเรือเล็กขนาดยาว 3 วา 1 ศอกลำเรือกว้าง 1 เมตรเศษ ออกไปปักเบ็ดปลาดุกจำนวน 90 คันในบริเวณหลัก 11 ซึ่งอยู่ห่างฝั่งจากบ้านตนประมาณ 4-5 กม. แต่ได้มีคลื่นลมแรงพัดมาช่วงหัวน้ำขึ้น และซัดน้ำเข้าที่บริเวณหัวเรือเป็นจำนวนมากเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. จนปั๊มน้ำไดโว่สูบน้ำใต้ท้องเรือสูบน้ำออกไม่ทัน จึงทำให้เรือจมลงสู่ใต้ผิวน้ำในทะเลในทันที
โดยสาเหตุอาจเป็นเพราะเรือมีน้ำหนักมากด้วย เพราะเมื่อคืนหาปลาได้เป็นจำนวนมาก หลังเกิดเหตุตนได้คว้ากระติกน้ำสำหรับใส่น้ำแข็งขนาดกว้างประมาณ 30 ซม. ยาวประมาณ 40 ซม.เอาไว้ได้ทัน และใช้เกาะลอยคออยู่ในทะเล จนมาถึงยังบริเวณร่องน้ำปากอ่าวบางปะกง และมีเรือขุดลอกร่องน้ำได้เข้ามาให้การช่วยเหลือดังกล่าว นายหลอด ระบุ
ด้าน น.ส.พิมล อุดมทั้งตระกูล อายุ 47 ปี กล่าวว่า นายหลอด ผู้เป็นสามีซึ่งมีอาชีพทำประมงพื้นบ้านมานานกว่า 20 ปีแล้ว ได้เคยออกทะเลและถูกคลื่นซัดจนเรือล่มมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อ 6 ปีก่อน และลอยคอจนมีเรือประมงของชาวบ้านแสมขาว ใน อ.บางปะกง ที่มีขนาดใหญ่กว่าได้เข้ามาช่วยเหลือจนรอดชีวิตมาได้แล้ว 1 ครั้ง แต่ได้สูญเสียเรือและอุปกรณ์การหาปลาไป 1 ลำ ซึ่งจุดเกิดเหตุครั้งนั้นอยู่ไม่ไกลจากจุดนี้มากนัก โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่รอดตายมาได้ แต่ก็ได้ทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินไปอีกทั้งเรือและอุปกรณ์ โดยทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ใหม่ เช่น เครื่องให้อ็อกซิเจนปลา ที่เพิ่งจะซื้อมาลงในเรือได้เพียง 2 วันเท่านั้น
เมื่อวานสามีได้ออกเรือไปตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00 น. (1 พ.ย.66) โดยปกติจะกลับเข้ามาถึงฝั่งในเวลาประมาณ 06.00 น. ของวันรุ่งขึ้นหากไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเสียก่อน โดยเมื่อคืนนี้ทราบว่าสามีหาปลาได้เป็นจำนวนมากด้วย จึงคาดว่าอาจเป็นเพราะเรือมีน้ำหนักมากจนกินน้ำลึก และเมื่อมีคลื่นลมแรงซัดน้ำเข้ามาในลำเรือจึงทำให้เรือจมลงไปอย่างรวดเร็ว
โดยอาชีพประมงชายฝั่งนี้บางวันก็หาปลาได้ บางวันก็หาไม่ได้ แต่วันไหนหาได้มากก็จะได้มากถึงกว่า 100 กก.ต่อคืน โดยชาวบ้านซอยคลองยี่รัดได้ประกอบอาชีพนี้กันมานานแล้ว โดยจะออกไปพร้อมกันครั้งละกว่า 10 ลำ แต่จะแยกย้ายกันไปปักเบ็ดกันคนละจุดที่บริเวณกลางทะเลจึงมองไม่เห็นกันในขณะเกิดเหตุ ขณะนี้เวลา (13.30 น.) กำลังรวบรวมชาวบ้านให้ไปช่วยกันหาตำแหน่งจุดที่เรือจม เพื่อที่จะหาทางกู้เรือกลับขึ้นมาให้ได้อีกครั้ง น.ส.พิมล กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: