ฉะเชิงเทรา – เปิดตัวเลขท่องเที่ยว จ.ฉะเชิงเทรา ในปี 2566 กวาดรายได้เข้าพื้นที่มากถึง 5.7 พันล้านบาท มีนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่กว่า 5 ล้านคน ขณะ ททท.จับมือเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 5 องค์กรหนุนผู้ประกอบการร้านกาแฟรุ่นใหม่จัดงาน“8Riew Feel แฟ Coffee&Friends” รองรับคอกาแฟทั่วไทยภายในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ต่อเนื่อง 3 วันในเดือนแห่งความรัก
วันที่ 18 ม.ค.67 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกำพล สิริรัตตนนท์ รองผู้ว่าราชการการ จ.ฉะเชิงเทรา และนายจิรศักดิ์ อ่วมอุไร ผอ. ททท. จ.ฉะเชิงเทรา ได้กล่าวถึงรายได้จากการท่องเที่ยวของ จ.ฉะเชิงเทรา ตลอดปี 2566 ที่ผ่านมาระหว่างการแถลงข่าวเตรียมจัดงาน “8Riew Feel แฟ Coffee&Friends” ขึ้นที่บริเวณโซนร่มโทรภายในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ฝั่งตรงข้ามสนามหน้าศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (17 ม.ค.67) ว่า
ข่าวน่าสนใจ:
จ.ฉะเชิงเทรา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่ในปี 2566 มากถึงกว่า 5 ล้านคน และมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวของจังหวัด เป็นเงินจำนวนกว่า 5,700 ล้านบาท กระจายไปยังกลุ่มธุรกิจด้านการบริการในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อย่างหลากหลายด้านโดยเฉพาะร้านค้าอาหารและของฝาก ทาง ททท.สำนักงานฉะเชิงเทรา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 5 องค์กร จึงได้เตรียมจัดงาน “8Riew Feel แฟ Coffee&Friends” ขึ้น ภายในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ที่โซนร่มไทรแห่งนี้
ระหว่างวันที่ 2 – 4 ก.พ.67 เวลา 09.00 น.- 20.00 น. เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการร้านกาแฟรุ่นใหม่ จากกลุ่มนักธุรกิจวัยหนุ่มสาวใน จ.ฉะเชิงเทรา ในการออกร้านเสริมสร้างการตลาด และมีโอกาสแนะนำเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคอกาแฟให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการหาสถานที่พักผ่อนในร้านกาแฟ ถ่ายภาพในมุมสบายที่สวยงามได้เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่
พร้อมกับการได้เข้ามาลิ้มลองรสชาติกาแฟจากร้านต่างๆ ที่ได้จัดการปรุงแต่งรสชาติกาแฟ ซึ่งมีเอกลักษณ์เป็นแบบเฉพาะในรสชาติของทางร้านเอง จำนวนกว่า 40 ร้าน ที่ได้เข้ามาร่วมในงานให้แก่นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำ เพื่อเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางแพร่หลายต่อไป
โดยผู้ประกอบการจะมีทั้งร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ ร้านจำหน่ายอุปกรณ์กาแฟ ผู้ประกอบการจำหน่ายอุปกรณ์ Camping และอื่น ๆ ที่จะได้มีส่วนร่วมในการนำรถ Camping มาจัดแสดงสร้างบรรยากาศภายในงาน โดยการออกร้านครั้งนี้ จะใช้ภาชนะบรรจุอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และร้านค้าจะมีการสร้างสรรเมนู Signature ที่ได้นำวัตถุดิบจากท้องถิ่นใน จ.ฉะเชิงเทรา มาเป็นส่วนประกอบในการปรุง เช่น มะพร้าวน้ำหอม มะม่วง น้ำตาลโตนด
การแถลงข่าวจัดงานในครั้งนี้ มีผู้ร่วมแถลงประกอบด้วย นายกำพล สิริรัตตนนท์ รองผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา นายจิรศักดิ์ อ่วมอุไร ผอ.ททท. สนง.ฉะเชิงเทรา นายสุฤกษ์ ศิลปอนันต์ ท่องเที่ยวและกีฬา จ.ฉะเชิงเทรา รศ.ดร.ดวงพร ภู่ผกา รักษาการณ์ อธิการบดี มรภ.ราชนครินทร์ นายกลยุทธ ฉายแสง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา นายอาทร เสริมศักดิ์ศศิธร ประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ (YEC) ฉะเชิงเทรา
จากจุดเด่นและทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวของ จ.ฉะเชิงเทรา ที่มีหลวงพ่อโสธรพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่คนทั้งประเทศกว่าร้อยละ80 – 90 ต้องเดินทางมากราบไหว้ขอพรแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ที่สามารถเดินทางไปกลับได้ภายในวันเดียวกันจาก กทม. อีกทั้งยังเป็นแหล่งการค้าอาหารที่มีรสชาติชั้นนำในระดับแนวหน้าของประเทศ และยังมีความหลากหลายทางด้านทรัพยากร เมนูอาหาร ซึ่งเป็นต้นทุนที่สามารถหาได้จากภายในพื้นที่เอง จึงทำให้รสชาติอาหารมีความโดดเด่นและสดใหม่อยู่เสมอ
โดย น.ส.ธันญวีร์ มีสรรพวงศ์ อายุ 33 ปี เจ้าของร้านกาแฟแคคตัสมอร์นิ่ง ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน 304 เยื้องสนามกีฬา จ.ฉะเชิงเทรา (สุบินพิมพยะจันทร์) ได้กล่าวถึงความน่าสนใจในร้านกาแฟของตนเองว่า ร้านกาแฟของตนเองนั้นตั้งอยู่ในหมู่บ้านวนาแลนด์ ซ.8 ที่ได้มีการตกแต่งร้านในแนวบ้านสวน ที่มีความร่มรื่นท่ามกลางบรรยากาศภายในแนวสถาปัตยกรรมประยุกต์ผสมผสาน
และมีกาแฟเป็นซิกเนเจอร์แบบเฉพาะของทางร้าน คือ กาแฟน้ำมะพร้าวนมสดปั่น ที่รับประทานควบคู่กับขนมบานอฟฟี่มะพร้าวอ่อน ที่แปลงมาจากคาราเมลกล้วยวิปปิ้งครีมเปลี่ยนมาเป็นคาราเมลน้ำตาลมะพร้าว นอกจากนี้ยังเปลี่ยนจากกล้วยหอมมาเป็นกล้วยน้ำว้า ทับด้วยครีมกะทิที่ให้รสชาติจากผลไม้ในท้องถิ่น จ.ฉะเชิงเทรา
นอกจากนี้ยังมีน้ำส้มเสาวรสโซดาเอสเพรสโซ ที่ทำจากน้ำส้มสดผสมกับเสาวรสสดและทับด้วยโซดา ที่กำลังเป็นที่นิยมของลูกค้าในร้านที่เข้ามาแวะรับประทาน ถือเป็นเครื่องดื่มที่มีลักษณะเฉพาะของทางร้านอีกชนิดหนึ่ง ที่ได้พยายามคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเองภายใต้แนวคิดทางด้านสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานที่ได้เรียนจบมาทางด้านนี้ โดยปัจจุบันยังมีบริษัททางด้านการออกแบบอยู่ใน กทม.อีกธุรกิจหนึ่งด้วย น.ส.ธันญวีร์ กล่าว
ขณะที่ น.ส.ดรุณี วรสิทธิ์ อายุ 32 ปี เจ้าของร้านกาแฟโกนี่ คาเฟ่ ได้กล่าวถึงความโดดเด่นในเมนูขนมปังที่ได้ไปเรียนรู้ถึงวิธีการทำมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะ เคียงคู่กับกาแฟบราซิลคั่วเองของทางร้านว่า ร้านกาแฟของตนตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีบริการน้ำมันบางจากบ้านใหม่ ริมถนนสายฉะเชิงเทรา-บางน้ำเปรี้ยว มีความโดดเด่นจากกาแฟคั่วกลางที่มีรสชาติไม่ขมมากนัก โดยใช้เมล็ดกาแฟจากบราซิลที่มีจุดเด่นในด้านความหอมคล้ายกับช็อกโกแลตคั่วถั่วคาราเมล
นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มประเภทโกโก้รสชาติเข้มข้นสูตรผสมมิ้นท์ และสูตรผสมชาไทยที่กำลังเป็นเครื่องดื่มตัวที่ขายดีได้รับความนิยมจากลูกค้า โดยเป็นสูตรส่วนผสมของทางร้านที่ได้ประยุกต์ขึ้นมาจากชา 4 สายพันธุ์เบลนด์เข้าด้วยกัน คือ ชาจากอินเดีย ชาจากอินโดนีเซีย ชาใต้ของไทย และชาแดงไทย ที่มีความหอมเป็นเอกลักษณ์ให้กลิ่นคล้ายกับช็อกโกแลต
ส่วนเมนูเคียงคู่กับกาแฟของทางร้านนั้นมีขนมปังเกลือ ที่กำลังเป็นที่นิยมบริโภคกันในประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสินค้าที่ทางร้านทำเองจากเนยเกรดพรีเมี่ยมและแป้งนำเข้าจากต่างประเทศ และมีการพัฒนาออกมาเป็น 4 รสชาติ 4 เมนู ประกอบด้วยปังเกลือรสโนริสาหร่าย ที่มีกลิ่นหอมของสาหร่ายญี่ปุ่น ปังเกลือช็อกโกแลต ที่จะมีกลิ่นหอมของช็อกโกแลตเบลเยี่ยม ปังเกลือรสหมึกดำที่ใส่น้ำหมึกดำของปลาหมึกลงไป ที่จะได้กลิ่นของปลาหมึกอยู่ในเนื้อขนมปังด้วย
สุดท้าย คือ ปังเกลือออริจินอลที่ทำจากแป้งขนมปังห่อกับเนยพรีเมี่ยม ด้านนอกจะกรอบส่วนด้านในจะนุ่ม คล้ายกับขนมปังครัวซ็อง นอกจากปังเกลือแล้วยังมีโซกุปัง ซึ่งเป็นขมมปังสไตล์ญี่ปุ่น ที่ทำขึ้นมาอีก 3 รสชาติ คือ ออริจินอล รสช็อกโกแลต และรสกาแฟ จึงทำให้ได้รับการตอบรับชื่นชอบจากลูกค้าในร้าน น.ส.ดรุณี กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: