ฉะเชิงเทรา – อุ้มฆ่าหนุ่มล้อยางข้ามจังหวัด จ่อยิงเจาะกะโหลกกลางศีรษะก่อนนำศพมาโยนทิ้งไว้ริมถนนเลียบด่วนมอเตอร์เวย์สาย 7 กรุงเทพฯ-พัทยา นาน 3 วัน ขณะคนผ่านทางเผยเฮี้ยนลุกขึ้นนั่งชายหางตาโปกเรียกหนุ่ม 18 ปีขับ จยย.ผ่านช่วยแจ้ง จนท.ตำรวจ ด้าน ผบก.แปดริ้วเดินทางลงตรวจที่เกิดเหตุด้วยตนเองก่อนปิดปากเงียบทั้งยังกันสื่อแบ่งแยกให้เข้าจุดเกิดเหตุได้เพียงเฉพาะบางราย
วันที่ 29 ม.ค.67 เวลา 17.30 น. ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ ลิ้นทอง รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายถูกอุ้มฆ่า มีเครื่องพันธนาการมัดมือและเท้าติดกัน ถูกนำมาโยนทิ้งไว้อยู่ริมถนนเลียบมอเตอร์เวย์ สาย 7 กรุงเทพฯ-พัทยา ด้านฝั่งขาเข้า กทม. ช่วงระหว่างหลัก กม.ที่ 41+100 พื้นที่ ม.9 ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ
โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโรงพักหลายนายประกอบด้วย พ.ต.ท.อำนาจ ยิ้มเนียม รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ชัชวาลย์ ดวงบุตร สวป. พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวนและสายตรวจ เดินทางไปยังในที่เกิดเหตุจำนวนเกือบ 20 นาย พบชายไทยรูปร่างท้วมสูงประมาณ 175 ซม. สวมเสื้อแขนยาวสีดำสวมกางเกงขายาวสีดำ ถูกพันธนาการด้วยเชือกผ้าสีแดงมัดมือทั้ง 2 ข้างและเท้าทั้ง 2 ข้างติดกัน อยู่ในร่องน้ำริมกำแพงรั้วกั้นระหว่างถนนเลียบมอเตอร์เวย์และทางด่วน โดยมีหญ้าขึ้นปกคลุมเล็กน้อย
สภาพร่างกายกำลังเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นโชยออกมาไกล และพบมีรอยเลือดเปื้อนอยู่ที่บริเวณริมขอบถนนเล็กน้อย ต่อมาได้มีผู้มาแจ้งว่าศพชายรายดังกล่าวนี้ น่าจะเป็นบุคคลที่ทางญาติได้แจ้งหายไว้ในเขตพื้นที่ สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ และได้มีการเผยแพร่ข้อความตามหาผ่านทางสื่อโซเชียลไว้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทาง จนท.จึงได้ติดต่อประสานงานไปยัง น.ส.วรรณพร หลักแหลม อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 339/221 ม.5 ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ภรรยาบุคคลสูญหายที่แจ้งไว้ ให้เดินทางมายังในที่เกิดเหตุ
ต่อมาในเวลา 18.50 น. น.ส.วรรณพร ได้เดินทางมาถึงและทราบข้อมูลถึงตำหนิรูปพรรณ ทั้งพวงกุญแจ และรอยสักลายซามูไรที่แผ่นหลัง ของผู้เสียชีวิตจากทาง จนท.ฝ่ายสืบสวน สภ.บางปะกง ถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ออกมาในทันที และยืนยันชัดเจนในเวลาต่อมาว่าศพผู้เสียชีวิตที่พบนั้น คือ นายธนาสันต์ เตอั้น อายุ 33 ปี ผู้เป็นสามีที่ได้หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 27 ม.ค.67 ที่ผ่านมา
ขณะขับรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ ออกจากบ้านเพื่อนำไปจอดทิ้งไว้ยังปากทางใกล้กับห้างฯ แม็คโค เพื่อรอขึ้นรถรับส่งของบริษัทเดินทางไปเข้ากะดึกในเวลาเที่ยงคืน ยังที่โรงงานผลิตล้อยางรถยนต์แห่งหนึ่ง (บริดจ์สโตน) ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร เฟส 6 อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยได้อยู่ด้วยกันครั้งสุดท้ายในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.ของวันเกิดเหตุ ก่อนหายตัวไปพร้อมกับรถ จยย.
จนเวลาผ่านไปครบ 24 ชม.แล้ว จึงได้เดินทางไปเข้าแจ้งความไว้ยังที่ สภ.บางปู ในเวลา 23.00 น. วันที่ 28 ม.ค.67 ก่อนที่จะมี จนท.แจ้งว่าพบศพผู้เป็นสามี สำหรับตนเองนั้นมีอาชีพขับรถบรรทุกตู้ทึบขนส่งชิ้นส่วนอุตสาหกรรม ให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม ไปยังนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ โดยมีบุตรชายซึ่งเป็นลูกติดจากสามีเก่าวัย 16 ปี 1 คน โดยยังไม่มีบุตรร่วมกับผู้ตาย น.ส.วรรณพร ระบุ
ส่วนด้าน นายสาธิต (สงวนนามสกุล) วัย 29 ปี เพื่อร่วมงานรุ่นน้อง ซึ่งเดินทางมายังในที่เกิดเหตุ เล่าว่า ผู้ตายและตนทำงานอยู่ในคลังสินค้าของโรงงาน มีหน้าที่ขับรถโฟล์คลิฟท์จัดเตรียมวัตถุดิบไว้ให้แก่ฝ่ายผลิต โดยมีเพื่อนร่วมงานประมาณ 10 คน คืนวันเกิดเหตุ (27 ม.ค.67) ผู้ตายได้หายตัวไปไม่ได้เข้ามาทำงาน โดยปกติแล้วรถรับส่งพนักงานจะเดินทางมาถึงยังโรงงานก่อนเวลาเข้าทำงานประมาณ 23.00 น. และเมื่อถึงเวลา 00.00 น. ของวันที่ 28 ม.ค.67 แล้วเขาก็ยังไม่มา
ตนและเพื่อนร่วมงานถึงได้พยายามโทรศัพท์เพื่อติดตามสอบถาม เนื่องจากหากจะหยุดงาน หรือลางาน โดยปกติแล้วจะต้องมีการแจ้งลาไว้ให้แก่ทางหัวหน้างานทราบก่อนล่วงหน้า แต่เมื่อโทรศัพท์ไปแล้วกลับไม่มีผู้รับสาย โดยมีการโทรติดต่อไปหลายครั้งจนถึงเวลาประมาณเกือบ 01.00 น. ก็ยังติดต่อไม่ได้ จากนั้นภาพในโปรไฟล์เฟซบุ๊กของผู้ตายได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นสีดำอีกด้วย โดยที่ผู้ตายนั้นเป็นรุ่นพี่เข้าทำงานมาเมื่อปี 2014 และไม่เคยพูดถึงเรื่องปัญหาอะไรให้ฟัง แม้จะค่อนข้างสนิทกันก็ตาม และยืนยันว่าผู้ตายไม่เคยพบว่ามีเรื่องกับใครในที่ทำงานมาก่อน นายสาธิต กล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยจาก นายวงศกร ทมธิแสง อายุ 29 ปี พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดอะเฮอริเทจ (เข็มทิศวิลเลจ) ม.5 ต.ท่าสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ว่าเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา น้องชายคือ นายพรเทพ ทมธิแสง อายุ 18 ปี ได้ขับรถ จยย.กลับจากโรงเรียนในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพื่อเดินทางกลับมายังบ้านพัก ได้พบเห็นผู้ตายลุกขึ้นนั่งโบกมือเรียกพร้อมส่งสายตาขอความช่วยเหลือ น้องชายจึงได้กลับรถวนมาดู จนพบว่ามีศพของผู้เสียชีวิตอยู่ในจุดดังกล่าว ก่อนที่จะโทรศัพท์แจ้งไปยังหมายเลข 191 ให้ตำรวจทราบ ซึ่งตอนนี้ตำรวจกำลังนำตัวน้องชายไปสอบถามปากคำอยู่ นายวงศกร กล่าว
ต่อมาในเวลา 19.05 น. พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางมายังในที่เกิดเหตุ หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแนวทางการสืบสวน พล.ต.ต.นเรวิช ได้ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใดๆ จากนั้นในเวลา 19.10 น. จนท.ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางมาถึงยังในที่เกิดเหตุ และในเวลา 19.37 น. แพทย์เวรจาก รพ.บางปะกง จึงได้เดินทางมาร่วมกันชันสูตรพลิกศพยังในที่เกิดเหตุด้วยกัน
หลังการชันสูตรพบที่บริเวณเกือบกึ่งกลางศีรษะเยื้องมาทางด้านขวามีรูกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเจาะเข้าไป 1 รู แต่ไม่พบรูทะลุออกมาจากร่างกาย โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พล.ต.ต.นเรวิช ได้มีการสั่งให้กันสื่อมวลชนให้ออกห่างไปจากพื้นที่ แต่กลับปล่อยให้มีสื่อบางรายซึ่งเป็นขาใหญ่ประจำถิ่น เดินติดตามประกบตัวอยู่ในที่เกิดเหตุตลอดเวลา จนเกิดความกังขาในการปฏิบัติงานของ จนท.ว่าใช้มาตรฐานอะไรในการกีดกันสื่อมวลชนที่ต้องการข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงในการนำเสนอสู่สาธารณชนเช่นเดียวกัน จึงควรปฏิบัติในแบบเดียวกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: