ฉะเชิงเทรา – ได้ตัวยกแก๊งค์ ทีมอุ้มฆ่าหนุ่มโรงงานล้อยาง มัดมือเท้าทิ้งริมมอเตอร์เวย์สาย 7 อ้างเหตุเรื่องส่วนตัว ที่แท้เป็นหนุ่มนักแต่งรถดัดแปลง ที่รับจ๊อบขับรถตู้ทึบขนส่งสินค้าออนไลน์ร่วมกับฝ่ายภรรยาผู้ตาย ที่วางตัวตีเนียนช่วยอาสาพามาดูศพยังที่เกิดเหตุ ในวันแรกหลังพบศพ ด้านตำรวจเตรียมตั้งหลายข้อหาหนักดำเนินคดี
วันที่ 2 ก.พ.67 เวลา 14.40 น. ที่ห้องประชุม ศปก. ชั้น 3 สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบก.ภ.2 พล.ต.ต.ธีรชัย ชำนาญหมอ ผบก. สส. ภ.2 พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.สมชาย อยู่สวัสดิ์ รอง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา และ พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ ยาคุ้มภัย นวท. (สบ.5) ศพฐ.2 ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงความคืบหน้าในการสืบสวนหาคนร้าย
ข่าวน่าสนใจ:
กรณีพบศพ นายธนาสันต์ เตอั้น อายุ 33 ปี หนุ่มโรงงานผลิตยางรถยนต์ในนิคมอมตะนคร เฟส 6 ที่ถูกมัดมือมัดเท้าและใช้อาวุธปืนยิงอย่างโหดเหี้ยมที่ศีรษะ ถูกนำมาทิ้งไว้ที่บริเวณริมถนนเลียบมอเตอร์เวย์สาย 7 กรุงเทพฯ-พัทยา ด้านฝั่งขาเข้า กทม. บริเวณหลัก กม.ที่ 41+100 พื้นที่ ม.10 ต.บางวัว อ.บางปะกง เมื่อเย็นวันที่ 29 ม.ค.67 เวลา 17.16 น. ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวกันอย่างต่อเนื่องของสื่อมวลชนหลายแขนงว่า
จากการสืบสวนตรวจสอบค้นหาพยานหลักฐาน จนทราบตัวผู้ก่อเหตุ และสามารถขออนุมัติหมายจับจากศาล จ.ฉะเชิงเทรา ที่ จ.39/2567 ได้แล้ว คือ นายกิตติโชติ แพไพรมูล หรือช่างกิต รีแมพ บางบ่อ อายุ 37 ปี ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายของฝ่ายภรรยาผู้ตายในวันเกิดเหตุพบศพ และเป็นผู้พา น.ส.วรรณพร หลักแหลม อายุ 33 ปี เดินทางมาดูศพสามีที่ถูกทิ้งไว้ริมทาง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่สืบสวน สอบสวนคลี่คลายคดีหลายสิบนาย ในวันเกิดเหตุ
โดยมีเพื่อนและญาติรวม 5 คนเป็นชาย 4 คนหญิง 1 คนร่วมในการลงมืออุ้มและนำตัวมาพูดคุยเจรจากันก่อนสังหารเหยื่อในคืนของวันที่ 27 ก่อนรุ่งเช้าของวันที่ 28 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ก่อนที่ทาง จนท.จะสามารถติดตามไปจับกุมตัวมาได้ จากบริเวณภายในสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 1 ก.พ.67 ที่ผ่านมา
หลัง จนท.ตำรวจสามารถจับกุมช่างกิตได้แล้ว ทำให้ผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่าที่เหลือ ประกอบด้วย นายนันทพัทธ์ หรือโอ๊ต (สงวนนามสกุล) นายปานเทพ (สงวนนามสกุล) นายสุขสงกรานต์ (สงวนนามสกุล) และ น.ส.อภิสรา (สงวนนามสกุล) ได้ติดต่อมาขอเข้ามอบตัวเมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (2 ก.พ.67) พร้อมให้การรับสารภาพว่า เป็นส่วนหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ แต่ยังให้การไม่ชัดเจนและไม่ตรงกัน และพาไปชี้จุดที่นำรถ จยย.ของผู้ตายไปทิ้งไว้ในคลองส่งน้ำ ในเขตพื้นที่ย่านรอยต่อระหว่าง อ.บางบ่อ และบางปู จ.สมุทรปราการ
.
โดยที่นายกิตติโชติ ได้ให้การถึงมูลเหตุจูงใจที่ต้องฆ่านั้น มาจากเรื่องส่วนตัว (ทั้งที่ยังไม่เคยรู้จักกันกับผู้ตายมาก่อน) โดยในวันเกิดเหตุได้ขับรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ เลขทะเบียน ฆห-2204 กรุงเทพฯ ตันสีแดงตามมาประกอบหลังรถ จยย.ของผู้ตาย หลังจากผู้ตายขับรถออกมาจากบ้าน เพื่อเดินทางไปทำงานห่างจากบ้านพักมาประมาณ 2 กม. กลุ่มผู้ก่อเหตุทังหมดที่นั่งมาในรถ จึงได้ขับรถยนต์เก๋งเข้าปาดหน้า และใช้อาวุธปืนบังคับให้ผู้ตายขึ้นรถมาด้วยกัน
โดยมี 1 ในคนร้ายได้ขับรถ จยย.ของผู้ตายไป ส่วนคนที่เหลือได้พากันนั่งมาในรถเข้ามาที่อู่ของช่างกิต ก่อนที่จะมีการเจรจากัน จากนั้นเชื่อว่าได้ช่วยกันมัดมือมัดเท้าและพาขึ้นรถขับมายังริมถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 จนใกล้กับจุดพบศพ และจึงมีการพูดคุยกันอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการใช้อาวุธปืนลั่นไกจอยิงผู้ตายในรถ ที่บริเวณใกล้กับจุดพบศพ จากนั้นจึงได้นำศพมาทิ้งไว้ในบริเวณหลัก กม.ที่ 41+100
โดยขณะนี้ทางฝ่ายสืบสวนภูธรภาค 2 สืบสวน จ.ฉะเชิงเทรา และสืบสวน สภ.บางปะกง ได้ติดตามพยานหลักฐาน เป็นรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นมิราจ คันสีแดง และรถ จยย. รุ่นเวฟ 125 สีเทาของผู้ตายมาได้แล้ว ส่วนอาวุธปืน และโทรศัพท์มือถือนั้นยังไม่ได้มา
จึงได้ตั้งข้อกล่าวหา ต่อนายกิตติโชติ และพวกว่า “ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยมีหรือใช้อาวุธปืน” และข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” เนื่องจากพบภาพจากกล้องวงจรปิดว่าผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์มิราจ มาดูเส้นทางไว้ก่อนล่วงหน้าก่อนแล้วเป็นเวลา 6 วันก่อนที่จะมีการลงมือก่อเหตุ “ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย”
ข้อหา “หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” ข้อหา “ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
ข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ข้อหา “พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรและความจำเป็นเร่งด่วนและโดยไม่มีใบอนุญาต ข้อหา “ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน” ซึ่งมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต นอกจากนี้ยังจะมีการพิจารณาแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการทรมานเพิ่มเติมอีก หากสอบพบว่ามีการทรมานผู้ตายด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า จากการผ่าเก็บหัวกระสุนได้จากศพของผู้เสียชีวิตนั้น เป็นกระสุนปืนขนาด .380 ที่ถูกยิงออกมาด้วยอาวุธปืนแบบหาง่าย หรือดัดแปลงแบบไทยประดิษฐ์ และหากได้ตัวอาวุธปืนมาก็จะสามารถตรวจสอบได้ เพราะหัวกระสุนที่ถูกยิงผ่านลำกล้องออกมานั้นมีลักษณะเฉพาะ โดยที่ลักษณะการยิงนั้นไม่ได้ยิงในระยะปากกระบอกปืนประกบชิดกับหนังศีรษะ โดยมีระยะห่างอยู่ในระดับหนึ่ง พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.นเรวิช กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ที่เดินทางมาเข้ามอบตัวในวันนี้ ได้ยอมรับว่าแต่ละคนนั้นเป็นหนึ่งในตัวละครที่อยู่ในเหตุการทั้งหมด แต่ยังไม่ยอมรับหรือให้การไม่ตรงกันบางอย่าง ว่าแต่ละคนนั้นทำอะไรกันบ้าง พล.ต.ต.นเรวิช กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: