ฉะเชิงเทรา – วัดเที่ยงพิมลมุข ปัดไม่มีการโอนเงินผ่านบัญชีม้าเข้าวัดตามการกล่าวอ้างจากทนายตั้ม ขณะหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดมรณะภาพไปก่อนหน้าแล้ว เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันในวัย 92 ปีพรรษา 71 พระเลขาเผยเงินร่วมทำบุญนั้นถือเป็นกรรมของผู้กระทำหากเงินดีมาด้วยความบริสุทธิ์ก็ถือเป็นบุญกุศล หากเป็นเงินที่ได้มาไม่ดีก็ถือเป็นกรรมของบุคคลผู้นั้น พร้อมยันไม่มีการออกใบอนุโมทนาบัตรให้ “บิ๊กต่อ”
วันที่ 27 มี.ค.67 เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่วัดเที่ยงพิมลมุข หรือวัดใหม่บางขวัญ ตั้งอยู่เลขที่ 21 ม.4 ต.บางขวัญ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากทนายตั้มได้มีการโพสต์ภาพขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ “บิ๊กต่อ” ผบ.ตร.ซึ่งถูกคำสั่งโยกย้ายจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ออกไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานนายกรัฐมนตรี หรือถูกนำไปแขวนทิ้งไว้พร้อมกันกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ตามที่ตกเป็นข่าวดังตามกระแสในระดับประเทศ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ระหว่างที่ “บิ๊กต่อ” ได้เดินทางมาทำบุญยังที่วัดแห่งนี้ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2565
ข่าวน่าสนใจ:
พร้อมกับได้มีการโพสต์ข้อความกำกับภาพไว้ว่า “บัญชีม้าวิ่งส่วยโอนเงินเข้าวัดเที่ยงพิมลสุข 15 ธันวาคม 2565 เหลือจะเชื่อที่พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ไปเข้าพิธีสร้างพระวันที่ 17 ธันวาคม 2565 อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ” และยังมีข้อความในช่องความคิดเห็นเพิ่มเติมจากทนายตั้ม หรือ “ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เห็นทีรอบนี้ม้าจะได้ขึ้นสวรรค์” ที่ด้านล่างอีก 1 ข้อความ
หลังผู้สื่อข่าวสอบถามถึงข้อเท็จจริงจากพระสงฆ์ภายในวัด รวมถึงพระครูสมุห์นิพัทธ์ อายุ 51 ปี พรรษา 8 พระลูกวัดซึ่งเป็นพระเลขาของพระครูวิมลธรรมาภิรม เจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ ที่กำลังจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าอาวาสวัดเที่ยงพิมลมุข เมื่อช่วงก่อนหน้า แต่เจ้าอาวาสวัดได้มรณภาพลงเสียก่อน ได้รับการเปิดเผยว่า พระครูวิมลธรรมาภิรม หรือหลวงปู่เชิด จกฺกธมฺโม (หลวงพ่อบุญเชิด สินเจริญ) ได้มรณภาพลงแล้วเมื่อวันที่ 28 ก.พ.67 ที่ผ่านมาในเวลา 17.52 น.
ด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ตามการวินิจของแพทย์ รพ.เซนต์หลุยส์ ย่านสาทร กทม. หลังจากถูกส่งตัวเข้าไปรักษาอาการเจ็บแน่นที่หน้าอก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ก.พ.67 ที่ผ่านมาเป็นเวลา 9 วันก่อนที่จะมรณภาพลง ซึ่งปกติหลวงปู่เชิดนั้นยังคงมีสติสัมปชัญญะดี และมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์พูดคุยได้ เดินได้ปกติเหมือนคนทั่วไป โดยมีอาการแน่นหน้าอกและหัวใจหยุดเต้นขึ้นขณะกำลังนั่งพูดคุยกัน จึงมีการช่วยกันปั้มหัวใจ (CPR) และรีบนำส่งไปยังโรงพยาบาล
หลังการมรณภาพแล้ว บรรดาศิษย์และทางวัดได้เคลื่อนย้ายสังขารหลวงปู่มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่ด้านบนศาลาใหญ่ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.67 โดยได้มีพิธีสวดพระอภิธรรมต่อเนื่องมาเป็นเวลา 15 วัน จากนั้นจึงได้ทำการเก็บสังขารเอาไว้เป็นเวลา 1 ปี เพื่อรอพิธีพระราชทานเพลิง และหากสังขารของหลวงปู่ไม่เน่าเปื่อยทางวัดและบรรดาศิษย์จะเก็บสังขารของหลวงปู่เอาไว้ตลอดไป โดยระหว่างนี้จะมีพิธีสวดพระอภิธรรมในทุกวันพระใหญ่ไปอีกตลอด 1 ปี พระเลขาเจ้าอาวาสวัดระบุ
และยังตอบข้อซักถามต่อผู้สื่อข่าว ถึงเรื่องการบริจาคเงินเข้ามายังวัดนั้นว่า อาตมาไม่ทราบเพราะ “บิ๊กต่อ” ได้ทำบุญบริจาคกับทางหลวงพ่อโดยตรง ไม่ได้มีการโอนเงินมาทำบุญแต่อย่างใด เป็นการทำบุญด้วยการถวายผ่านมือของหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัด ส่วนการออกมาแฉจากทางทนายชื่อดังนั้น น่าจะเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาตมาก็ไม่อยากไปยุ่งในเรื่องของทางโลก ก็ขอให้เขาไปตรวจสอบกันเอาเองก็แล้วกัน แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการโอนเงินเข้ามาในบัญชีของทางวัด รวมถึง “บิ๊กต่อ” ไม่ได้ขอใบอนุโมทนาบัตรด้วย จึงไม่ได้มีการออกให้
สำหรับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อทางวัดหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่คนคิด หากคิดไม่ดีก็อาจมีผลกระทบ ซึ่งในความเห็นส่วนตัวนั้นหากมีการนำเงินมาทำบุญก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าวัดไหนก็แล้วแต่ ดีกว่านำไปสร้างบ้านให้กับภรรยาน้อย หรือทำผิดกฎหมาย ส่วนเงินที่ถูกนำมาทำบุญนั้นต้องบริสุทธิ์หรือไม่นั้น ซึ่งปกติก็ต้องเป็นเงินบริสุทธิ์ โดยทางวัดไม่รู้หรอกว่าเงินบริสุทธิ์หรือไม่ เวลามีคนมาทำบุญก็ไม่ได้มีใครมัวไปถามญาติโยมว่า โยมนำเงินบริสุทธิ์มาทำบุญหรือไม่
ซึ่งก็เป็นกรรมของแต่ละคนไป โดยเป็นกรรมและเจตนา หากนำเงินที่ไปเบียดเบียนเขามาทำบุญนำมาสร้าง เอามาพัฒนาสิ่งต่างๆ ก็ล้วนแต่เป็นบุญ แต่กรรมก็จะไปตกอยู่ที่โยมคนที่นำเงินนั้นมาทำบุญ หากไปขโมยเขามาก็ทำให้คนที่ถูกขโมยมาได้รับความเดือดร้อน ซึ่งการมาทำบุญในครั้งนั้น มีคนมาร่วมกันทำทั้งประเทศนับพันคนไม่ใช่ “บิ๊กต่อ” มาเพียงคนเดียว เพียงแต่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เดินทางมาเป็นประธานจุดเทียนชัยของฝ่ายฆราวาสเท่านั้น และเดินทางมาร่วมพิธีเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางกลับไป เพราะเขามีงานมาก
ส่วนความรู้สึกของญาติโยมทั่วไปนั้น เชื่อว่าน่าจะเข้าใจ เพราะวัดก็อยู่คู่กับชุมชนมานานนับร้อยปี จนมีผู้คนศรัทธามาก รวมถึงบิ๊กต่อด้วย ที่มาศรัทธานับถือหลวงพ่อจึงได้มาช่วยงาน ก็เหมือนกับชาวบ้านทั่วไปที่มาช่วยกัน แต่เงินโอนมาเข้าบัญชีนั้นไม่มี ซึ่งหลวงปู่บุญเชิดนั้น ท่านมีชื่อเสียงในด้านการพยากรณ์ที่แม่นยำ รวมถึงในเรื่องเกี่ยวกับการหาฤกษ์ยามเพื่อประกอบพิธีต่างๆ เช่น ขึ้นบ้านใหม่ ยกเสาเอก และตั้งศาลพระภูมิเจ้าที่ เพื่อช่วยเหลือคนที่มีทุกข์มา
โดยหลวงปู่เชิดนั้นถือเป็นพระเกจิชื่อดังใน จ.ฉะเชิงเทรา ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ หากพูดทักทายต่อผู้ใดแล้วจะเป็นไปตามที่ท่านพูดเอาไว้อย่างแม่นยำ จึงทำให้มีลูกศิษย์มาก รวมทั้งผู้ที่มีชื่อเสียงนักธุรกิจต่างๆ ก็ยังมาเลื่อมใสศรัทธา ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก องค์เทพพญายมราช และสร้างเหรียญพญายมราช พระครูสมุห์นิพัทธ์ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: