ฉะเชิงเทรา – แปดริ้วก๋วยเตี๋ยววินเทจ เมนูปากหม้อ 8 รสชาติที่ท่าใหญ่ หนึ่งในรายการอาหารที่ไม่ควรพลาดหากได้เดินทางมาเยือน ท่ามกลางสถานที่ท่องเที่ยวในย่านการค้าการขายที่รายล้อมไปด้วยแนวตึกแถวไม้ทรงโบราณ ทั้งยังเป็นท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้าทางน้ำจากแหล่งผู้ผลิตสู่การจับจ่าย ซื้อขายนำไปบริโภคของผู้คนในอดีต ถือเป็นมนต์เสน่ห์อีกมุมหนึ่งของเมืองแปดริ้ว เมื่อได้เดินทางย่างกายเข้ามาในยามเย็น
เสาวนีย์ เทพพนมรัตน์ หรือ “แต๋ม” สาวใหญ่วัย 49 ปี ผู้ผลันตัวมาจากสาวออฟฟิศสู่การประกอบอาชีพอิสระตามวิถีของตนเองในบ้านเกิด ซึ่งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวโบราณที่ในอดีตเป็นท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้าจากสวนเกษตรแหล่งเพาะปลูกมายังย่านการค้าขายในรูปแบบของชุมชนเมือง ที่ยังคงมนต์เสน่ห์แห่งความเก่าแก่ที่สัมผัสได้จากวิถีการใช้ชีวิตของคนในชุมชนและอาคารไม้โบราณ ที่ปลูกสร้างเรียงรายเป็นแถวทอดยาวลงไปจนถึงท่าน้ำริมชายฝั่งแม่น้ำบางปะกง
แม้จะเป็นเพียงซอยเล็กๆ ท่ามกลางชุมชนขนาดใหญ่ของเมืองแปดริ้วย่านวัดแหลมใต้ แต่ผู้คนก็ยังนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวชม และแวะชิมรายการอาหารที่หลากหลาย ภายในซอยที่มีเมนูเลื่องชื่อให้เลือกซื้อลิ้มลองมากมาย ด้วยรสชาติความอร่อยในแบบฉบับ ของต้นตำหรับอาหารพื้นเมืองในการหาอยู่หากินตามวิถีของคนที่นี่ จนทำให้แขกหน้าใหม่หรือใครต่อใครที่ได้ขยับกายเข้ามาเยี่ยมเยือนได้ลุ่มหลงและติดใจในรสชาติ
“แต๋ม” ได้บอกเล่าถึงความเป็นมาในสูตรอาหารเมนูเด็ดของเธอว่า ที่เลือกทำเมนูอาหารก๋วยเตี๋ยวปากหม้อนั้น เนื่องจากในตัวเมืองแปดริ้ว หรือตัว จ.ฉะเชิงเทรา นั้น ยังไม่มีร้านอาหารเมนูจำพวกนี้มากนัก หรือมีเพียงไม่กี่ร้าน ซึ่งก๋วยเตี๋ยวปากหม้อแบบต้นฉบับดั้งเดิมนั้นเกิดขึ้นที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา จึงได้นำสูตรจากต้นฉบับมาปรับปรุงพัฒนาต่อยอด ให้เป็นตำหรับเฉพาะของร้าน “8 ริ้วก๋วยเตี๋ยววินเทจ” ท่าใหญ่ขึ้นมาเอง
ด้วยการปรุงแต่งรสชาติน้ำซุป จากการเติมเล้งให้เข้มข้นในปริมาณที่มากพอ และใช้หัวใช้เท้าเป็นตัวทำให้น้ำซุปนัวกลมกล่อมมีกลิ่นแห่งความหอมอร่อยเป็นเอกลักษณ์ ด้วยสูตรต้นฉบับดั้งเดิมของน้ำข้าวต้ม ซึ่งเป็นเมนูอาหารดั้งเดิมของครอบครัว จากที่เดิมนั้นผู้เป็นมารดาเคยทำมาก่อนด้วยการเปิดเป็นร้านจำหน่ายข้าวต้มมายาวนานในสมัยอดีต โดยมีองค์ประกอบเคียงในน้ำก๋วยเตี๋ยว คือ กระดูกหมู ขาไก่ เลือดหมู ลูกชิ้น และเต้าหู้ไข่
ขณะที่การปรุงตัวเส้นนั้น ได้เน้นที่การปรุงใหม่ให้เมนูมีความสดสะอาดอยู่เสมอ พร้อมกับการแคะตัวไส้ทั้ง 8 รสชาติจากกระทะออกมาแบบสดร้อนๆ ลงสู่ชามให้แก่ลูกค้าในทันที แบบตัวต่อตัว โดยที่ไม่ได้มีการทำค้างเอาไว้ก่อน ซึ่งไส้ทั้งแปดรสชาตินี้ ประกอบด้วย ใส้หวานที่ทำจากหัวไชโป๊และถั่ว ซึ่งเป็นไส้ที่ขายดีที่สุด ไส้วุ้นเส้น ไส้หมูสับ ข้าวโพด ซึ่งเป็นไส้ที่เด็กๆ ชื่นชอบ นอกจากนี้ยังมีไส้ถั่วงอก กระหล่ำปลี ถั่วฝักยาว และกุยช่าย และจะมีใส้เผือกเพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลกินเจ แต่จะลดใส้ที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสมลงไป เป็นเมนูปากหม้ออาหารเจแทน
ขณะผักที่นำมาใช้นั้นจะใช้ผักออแกรนิค ตัวเส้นที่ใช้ห่อไส้นั้นจะใช้แป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้าผสมกัน โดยกลุ่มลูกค้านั้นส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นและคนวัยทำงาน สำหรับราคาจำหน่ายนั้น เริ่มต้นที่ชามละ 55 บาท และชามพิเศษ 80 บาท และมีแบบพิเศษหิ้วกลับบ้านในราคา 90 บาท ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าสนใจเข้ามาอุดหนุนต่อเนื่องเป็นระยะโดยเฉพาะยามเย็นในช่วงเวลา 17.00 – 20.00 น. จะมีลูกค้าเข้ามามาก โดยร้านของเธอทำจำหน่ายแค่เพียงวันละประมาณ 100 ถ้วยเท่านั้น หากหมดแล้วก็หมดเลยต้องมาใหม่ในวันถัดไป
“แต๋ม” ยังบอกว่า เมนูอาหารของเธอนั้นไม่เหมือนใครในย่านนี้ จึงถือเป็นอีกเส้นทางหนึ่งในการเลือกประกอบอาชีพ ที่แตกต่างออกไปจากคนในชุมชนที่อยู่รายล้อม จนนำไปสู่ความสำเร็จที่ปัจจุบันนั้น มีลูกค้าที่ตั้งใจเดินทางเข้ามาหารับประทานแบบชนิดที่ว่า หากวันใดรายการอาหารหมดลงไปแล้ว หรือเหลือเฉพาะแค่เพียงน้ำซุปหรือตัวใส้แค่เพียงบางรายการก็ยังจะเอา โดยเป็นการสั่งซื้อแบบชนิดที่ว่าเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องขอกินให้ได้กันเลยทีเดียว
