ฉะเชิงเทรา – ไอ้โหนกไม่ได้ทำ พ่อเหยื่อช้างเหยียบดับยัน “สีดอโหนก” ไม่ใช่ฆาตรกรฆ่าลูก แต่เป็นผลงานของไอ้เหลืองช้างป่าฝ่าเท้าโหดอีกตัวที่มีวัยหนุ่มแน่นกระทงจัดกว่า พฤติกรรมกำลังทวีความดุร้ายที่รุนแรงและสุดหนักกว่ามาก เมื่อได้เห็นคนหรือ จนท.มักพุ่งตรงเข้าใส่แบบไม่เลือกฝ่าย จนเป็นที่เกรงขามและโด่งดังไปทั่วคับผืนป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออกอีกตัว หลังวัดรอยเท้าเปรียบเทียบพิสูจน์ดูแล้วไม่ตรงปกไอ้โหนก
วันที่ 17 พ.ค.67 เวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เข้าพูดคุยกับนายทองมา บูระพา อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นบิดาของนายวัลลภ บูระพา อายุ 35 ปี 10 เดือน จนท.อนุรักษ์ชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังช้างป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ที่ถูกช้างสีดอทำร้ายจนเสียชีวิต เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.00 ของเย็นวันที่ 15 พ.ค.67 ขณะกำลังเข้าผลักดันช้างป่าที่เดินออกมานอกแนวรั้วคูกันช้าง ให้กลับเข้าไปอยู่ยังภายในแนวเขตของคูกันช้าง ที่บริเวณหมู่บ้านนางาม พื้นที่ ม.19 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา
เกี่ยวกับช้างป่าตัวที่ทำร้ายบุตรชายจนเสียชีวิต ว่าเป็นช้างตัวใดที่แน่ชัด หลังจากดูผลการตรวจสอบจากรอยเท้าที่ช้างเหยียบย่ำอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุแล้วไม่ตรงกับรอยเท้าของสีดอโหนก จนได้รับการยืนยันจากนายทองมา ซึ่งเคยเข้าร่วมเป็นจิตอาสาออกไปช่วยกันกับผู้นำชุมชนในการผลักดันช้างป่า ในช่วงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาว่า ไม่ใช่สีดอโหนกที่ทำร้ายนายวัลลภ บุตรชายจนเสียชีวิตแน่นอน แต่เชื่อว่าเป็นสีดอเหลือง หรือตามที่ จนท.เรียกกันว่า “ไอ้เหลือง” ตามสีผิวของตัวช้าง
ซึ่งเป็นช้างป่าสีดอเช่นเดียวกัน แต่มีขนาดที่เล็กกว่าสีดอโหนกเพียงเล็กน้อย โดยสีดอโหนกรูปร่างจะใหญ่โตกว่าและมีน้ำหนักมากประมาณถึง 10 ตัน และสูงประมาณ 3.5 เมตรและมีรอยเท้าที่ใหญ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า 50 ซม. ขึ้นไปหรือประมาณ 54-55 ซม. ส่วนสีดอเหลืองนั้นจะมีขนาดรอยเท้าที่เล็กกว่าและสูงประมาณ 3 เมตรเศษ น้ำหนักตัวยังไม่น่าจะถึง 10 ตัน โดยรอยเท้าน่าจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณเกือบ 50 ซม. สามารถพบตัวได้ปล่อยครั้ง และมักเดินเข้าออกที่ตรงช่องรั้วคูกันช้างที่ชำรุด บริเวณที่เกิดเหตุในจุดนั้นอยู่เป็นประจำด้วย
ขณะที่สีดอโหนกนั้น ไม่ค่อยพบเห็นอยู่ในบริเวณนี้ โดยหลังจากได้มีการเคลื่อนย้ายสีดอโหนกกลับมาจากเขตพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้เพียงประมาณ 3 วัน ได้เคยออกมาให้พบเห็นหรือกลับมาโผล่อยู่แถวป่าบริเวณนี้อยู่บ้าง ก่อนที่จะหายหน้าไป ส่วนสีดอเหลืองนั้น ยังคงพบเห็นอยู่ได้โดยตลอด และเคยเข้ามาจนถึงในหมู่บ้านมาบนาดี มาบสมบูรณ์แห่งนี้ด้วย โดยที่ทั้งสองตัวนั้นเป็นช้างที่ไม่มีฝูงเช่นเดียวกัน
ในเวลาไปไหนมักจะไปแต่เพียงลำพัง ซึ่งก็อาจเป็นเพราะว่าเขาเป็นช้างที่ไม่มีงา จึงไม่สามารถที่จะไปต่อสู้แย่งชิงโขลงมาจากช้างป่าตัวผู้ ตัวอื่นๆ ที่มีงา และเป็นจ่าฝูงได้ แม้จะเป็นช้างป่าตัวขนาดใหญ่มากก็ตาม นอกจากนี้สีดอเหลืองยังมีพฤติกรรมที่ชอบวิ่งเข้าใส่ หรือวิ่งเข้าหาคน หรือเขามีท่าทางการแสดงออกที่ดุร้ายชัดเจนกว่า คือ การจะวิ่งพุ่งเข้าหาคนมากกว่าสีดอโหนกเมื่อได้พบเห็นคน ทั้งชาวบ้านและเจ้าหน้าที่อนุรักษ์เอง นายทองมา กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: