X

สภาท้องถิ่นบางปะกงทำพิลึก สั่งปิดประชุมหนีอภิปรายช่วยเหลือ ปชช.

ฉะเชิงเทรา – สภาท้องถิ่น การเมืองสนามเล็กบางปะกงเดือด ประธานสภาสั่งปิดสมัยประชุมหนีการอภิปรายติดตามงานความเดือดร้อนของ ปชช. กลางคัน หลังพร้อมใจพาฝ่ายบริหารลุกเดินหนีออกไปจากห้องประชุมยกคณะ ระหว่างที่ทางกลุ่มสมาชิกกว่าครึ่งสภา กำลังยื่นอภิปรายเพิ่มเติมจากวาระการประชุมในเรื่องอื่นๆ ทำ 6 สท.เดินหน้านำประชาชนบุกศากลางจังหวัด หวังยื่นหนังสือถึงพ่อเมืองให้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมและการกระทำว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

วันที่ 28 มิ.ย.67 เวลา 10.30 น. ที่บริเวณหน้าศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา ฝั่งด้านหลังพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ได้มีกลุ่มสมาชิกสภาเทศบาลบางปะกงพรหมเทพรังสรรค์ จำนวน 5 คนพร้อมด้วยชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาในพื้นที่จำนวนหนึ่ง ได้เดินทางมาขอเข้าพบ นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อยื่นหนังสือให้ทำการตรวจสอบพฤติกรรมในการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการของ นายเสนาะ ชูดวง ประธานสภาเทศบาลบางปะกงพรหมเทพรังสรรค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาล แต่ปรากฏว่านายชลธี ไม่อยู่

ยื่นร้องเรียนปิดสภาหนีอภิปราย

จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายเดินทางลงมารับหนังสือแทน คือ นายธนกฤต รัตนพันธ์ ท้องถิ่น จ.ฉะเชิงเทรา ที่ได้เข้ามาเชิญกลุ่ม สท.พร้อมด้วยชาวบ้านขึ้นไปพุดคุยและรับฟังปัญหาภายในห้องประชุมศูนย์ดำรงธรรม จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีนายสาโรจน์ น้อยใจบุญ ผอ.กลุ่มงานกฎหมาย สนง.ท้องถิ่นจังหวัด นายวินัย ธรรมแสง ท้องถิ่น อ.บางปะกง เดินทางมาเข้าร่วมรับฟังปัญหา และข้อร้องเรียนจากกลุ่ม สท. และชาวบ้านที่เดินทางมาในวันนี้

พาชาวบ้านบุกศูนย์ดำรงธรรม

โดยนายสาธิต บุญเสริม สท.เขต 1 กล่าวว่า ในวันนี้ได้เข้ามายื่นหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องที่ประธานสภาเทศบาลบางปะกงพรหมเทพรังสรรค์ปิดประชุมโดยที่ไม่ได้ถามสมาชิกในระหว่างที่ตนกำลังจะอภิปราย ในวาระเรื่องอื่นๆ หลังจากการประชุมสมัยสามัญ สมัยที่ 2 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น. ตามระเบียบวาระที่กำหนดไว้ คือ การรับรองการประชุมเก่า วาระเพื่อพิจารณาต่างๆ สุดท้ายเป็นระเบียบวาระที่ 6

สท.เดือด สภาไม่ฟังปัญหาชาวบ้าน

ซึ่งเป็นระเบียบวาระในเรื่องอื่นๆ ที่ประธานสภาจะต้องถามจากสมาชิกว่า สมาชิกท่านใดมีปัญหาอื่นจะอภิปรายอีกหรือไม่ แต่กลับพูดตัดบทปิดการประชุมไปในทันที โดยในระหว่างนั้นตนเองพร้อมเพื่อนสมาชิกรวมจำนวน 6 คน ประกอบด้วยนายสุวรรณ์ กลิ่นนาค นายเจษฎา คำประสิทธิ์ นายจิรายุ ทัศนา นายธณัทเดชาธร พันธ์ผูก ที่ร่วมกันเดินทางมาในวันนี้ และนายวิลาศ ประเสริฐสุข ที่ร่วมลงชื่อในการยื่นร้องเรียน ได้ยกมือขึ้นประท้วงแล้วว่า พวกตนยังมีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ที่อยากจะฝากนำเสนอสู่สภาแห่งนี้ให้ได้พิจารณา

นายสาธิต บุญเสริม

แต่ทางประธานสภายังคงยืนกรานที่จะปิดสภาโดยที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้พวกตนได้อภิปรายต่อไป วันนี้จึงมาขอความเป็นธรรมผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมไปถึงยังผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งสิ่งที่พวกตนได้เตรียมอภิปรายไว้ ล้วนเป็นปัญหาเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนทั้งสิ้น เกี่ยวกับถนนหนทางที่มีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อในพื้นที่ ม.12 และหน้าหมู่บ้านสินงอกงาม ม.19 ที่สภาพถนนเป็นแอ่งและมีร่องลึก ชาวบ้านได้รับผลกระทบในการสัญจรเดินทาง

รับฟังข้อร้องเรียน

นอกจากนี้ที่ผ่านมาพวกตนยังเคยเสนอปัญหาไว้ให้แก่พี่น้องประชาชนมานานหลายเรื่องแล้ว แต่กลับไม่ได้รับการแก้ไข ในขณะที่ทางฝ่ายบริหารได้เสนอโครงการต่างๆ ในพื้นที่ฐานเสียงของตนเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นประโยชน์พวกตนยังได้ช่วยกันยกมือผ่านสภาให้ โดยที่ไม่ได้นำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน และได้รับการแก้ไขในทันที แต่ปัญหาที่พวกตนอภิปรายนำเสนอกลับถูกละเลยยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือมีกระบวนการดำเนินขั้นตอนที่ล่าช้ากว่ามาก

ทั้งที่บางปัญหามีความเร่งด่วนหรือจำเป็นและกระทบต่อประชาชนมากกว่า จึงเกิดการปิดสภาหนีการอภิปราย ในการนำเสนอปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน จากสมาชิกเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในวันนี้ และหากพวกตนยังคงนิ่งเฉย ไม่เคลื่อนไหว เข้ามาร้องเรียนจึงยังผู้ว่าราชการจังหวัดในวันนี้ ก็อาจจะเกิดขึ้นซ้ำอีกในครั้งต่อๆ ไป นายสาธิตพร้อมพวก กล่าว

ท้องถิ่นจังหวัด

ด้าน นายธนกฤต กล่าวว่า กระบวนการหลังจากนี้ หลังรับเรื่องจะได้นำเสนอต่อทางผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนที่จะมีการส่งมอบหมายให้แก่ทางนายอำเภอท้องที่ ที่กำกับดูแลตามอำนาจหน้าที่โดยตำแหน่ง ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนั้นจึงจะมีการแจ้งผลให้แก่ทางกลุ่มผู้มาร้องเรียนทราบต่อไป โดยมีกรอบระยะเวลาประมาณ 30 วัน นายธนกฤต กล่าว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน