ฉะเชิงเทรา – วันรพีที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา จัดพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะรำลึกถึงพระบิดาแห่งกฎหมายไทยเทิดทูนเกียรติคุณในพระบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงเป็นผู้วางรากฐานกิจการศาลและปฏิรูประบบกฎหมายไทย โดยมีเหล่าข้าราชการพร้อมอาสาสมัครในกระบวนการยุติธรรม พร้อมใจมาเข้าร่วมพิธี
วันที่ 7 ส.ค.67 เวลา 07.00 ที่บริเวณหน้าอาคารศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา น.ส.จันทมนญช์ เกียรติเสริมขจร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัว จ.ชัยนาท ช่วยราชการชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จ.ฉะเชิงเทรา ได้จัดงานพิธีวันรพี 2567 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเทิดทูนเกียรติคุณพระบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแห่งกฎหมายไทย โดยมีนายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา เดินทางมาเป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลและวางพวงมาลาหน้าพระรูป
ท่ามกลางเหล่าข้าราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม และผู้เกี่ยวข้องพร้อมด้วยอาสาสมัครในกระบวนการยุติธรรม ที่มาเข้าร่วมพิธีตามลำดับ โดยในพิธีได้มีพิธีสงฆ์ พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ และการกล่าวสดุดีเทิดพระเกียรติ และการยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที ตามขั้นตอนพิธีการ
สำหรับพระประวัติพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงมีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 14 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 5 ทรงประสูติแก่เจ้าจอมมารดาตลับ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2417 พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศไทยเป็นอเนกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการด้านกฎหมายไทย ทรงวางรากฐานกิจการศาลและปฏิรูประบบกฎหมายต่าง ๆ ไว้มากมาย
ในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จในกรมฯ ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ พระองค์ทรงยกร่างกฎหมายออกโฉนดที่ดินและร่วมจัดการชลประทานเป็นผลสำเร็จ ด้วยพระปรีชาสามารถอันเป็นอัจฉริยะ ประกอบด้วยพระวิริยะอุตสาหะของพระองค์ ซึ่งทรงบำเพ็ญคุณประโยชน์แก่ประเทศไทยอันเป็นอเนกประการ นักกฎหมายไทยต่างพากันถวายพระนามแด่พระองค์ว่า “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย”
เมื่อปีพุทธศักราช 2462 พระองค์ทรงประชวรด้วยวัณโรคที่พระวักกะ ได้เสด็จไปรักษาพระองค์ที่ประเทศฝรั่งเศส จนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2463 เวลา 21.00 นาฬิกา ด้วยพระชนม์มายุ 47 พรรษา และได้ถือว่าในวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี อันเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ และมีการกำหนดให้เป็นวันรพีสืบต่อมา
