ฉะเชิงเทรา – บ้านอีกหลังยังไม่หลอน คนใกล้เคียงที่เกิดเหตุบอกนอนหลับสบายไร้สิ่งรบกวนจากหลุมเครื่องบินตก ระบุต่างคนต่างอยู่ไม่รู้จักกัน ทำให้ไม่เกิดความกลัวต่อสิ่งลี้ลับว่ามาหลอกหลอน ขณะกลิ่นโชยไกลมาตามกระแสลมบอกยอมรับได้ เชื่ออีกไม่นานก็คงถูกย่อยสลายไปตามกาลเวลา
วันที่ 26 ส.ค.67 เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เข้าพูดคุยกับ น.ส.สุพัฒน์ศรี อยู่สุข อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.6 ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกับจุดเกิดเหตุเครื่องบินเล็กตก จนทำให้มีผู้สูญหายและเสียชีวิตจำนวน 9 คน เมื่อเวลา 14.56 น. วันที่ 22 ส.ค.67 ที่ผ่านมา ถึงความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ หลังเกิดเหตุเครื่องบินตก
ข่าวน่าสนใจ:
โดย น.ส.สุพัฒน์ศรี ระบุว่า ต่างคนต่างไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่มีเสียงอะไรดังออกมารบกวนในยามค่ำคืนจากในที่เกิดเหตุ และยังคงใช้ชีวิตกันอย่างเป็นปกติดี ยังเดินเข้าออกบ้านในตอนกลางคืนได้ เนื่องจากเราไม่ได้รู้จักกับเขา และเขาก็ไม่ได้รู้จักเรา และเราก็ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนไม่ดี แล้วจะมาหลอกหลอนเราทำไม ประกอบกับเส้นทางผ่านหน้าบ้านก็มีคนใช้สัญจรผ่านไปมาตลอดเป็นระยะ
อีกทั้งคนในระแวกนี้ก็ยังเข้านอนหลับพักผ่อนกันไวมาก ประมาณ 20.00-21.00 ชาวบ้านก็จะพากันนอนพักผ่อนกันหมดแล้ว นอกจากคนที่จะต้องออกไปทำงาน หรือเข้ากะดึก และคนที่เพิ่งออกจากเวรมา ขับรถผ่านไปมาเป็นระยะ ส่วนความเชื่อทางไสยศาสตร์นั้น ที่ผ่านมาก็เคยพบเจอกับเหตุการณ์ลี้ลับอื่นๆ กับตนเองมาบ้าง จึงมีความเชื่อ อีกทั้งยังก็มีคนมาถามในลักษณะนี้บ่อยครั้ง ว่ากลัวไหมที่เครื่องบินมาตกหน้าบ้านแล้วมีคนตายเป็นจำนวนมาก ตนก็ได้ตอบเขาไปว่าไม่กลัว และยังคงออกไปใช้ชีวิตตามปกติ
โดยในวันเกิดเหตุตนเองก็ไม่ได้อยู่บ้าน จึงไม่ได้เข้าไปดูเขา ไม่ได้เห็นภาพในที่เกิดเหตุ และไม่เห็นผู้เสียชีวิต เพราะจมอยู่ในดินโคลนไปเกือบทั้งหมด แต่สามีและแม่สามีอยู่บ้าน พอได้ยินเสียงเขาก็ได้ออกไปดู แต่ตนเองนั้นอยู่ที่ทำงานจึงไม่ได้ดู ขณะเดียวกันยังมีชิ้นส่วนของตัวเครื่องบิน เป็นแผ่นเหล็กขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 70 ซม. ยาว 90 ซม. ปลิวลอยมาตกที่หน้าบ้านด้วย
ขณะที่กลิ่นรบกวนที่โชยออกมาตามกระแสลมนั้น หากไม่เดินเข้าไปใกล้ๆ และอยู่แต่ในตัวบ้าน ก็ยังไม่ได้กลิ่น ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ก็ต้องมีกลิ่นโชยมาบ้าง เพราะผ่านมาหลายวันแล้ว ก็ต้องมีการเน่าเปื่อยเกิดขึ้น ประกอบกับยังมีกลิ่นของดินโคลนที่ถูกขุดขึ้นมาด้วยจึงลอยมาปนกัน แต่ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดว่าจะอยู่กันไม่ได้ หากเราไม่ได้เข้าไปในบริเวณพื้นที่จุดเครื่องบินตก
ขณะที่คนที่ขับรถสัญจรผ่านไปมานั้น หลายรายก็ได้ชะลอรถเพื่อหยุดดูจุดเกิดเหตุ หรือบางรายก็จอดรถลงไปถ่ายภาพที่เกิดเหตุ และมีบางรายได้เดินเข้าไปใกล้ๆ ทางด้านหลังพื้นที่การขุดค้นหา เพราะถือว่าเป็นเหตุที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก หรือเกิดขึ้นได้ง่ายๆ จึงมีคนให้ความสนใจค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วง 2 วันแรกนั้น มีรถจอดต่อแถวเรียงกันยาวไปไกลหลาย กม. แต่มาช่วงหลังๆ จึงเริ่มลดน้อยลง
หากถามว่าอยากให้เขาเก็บเอาชิ้นส่วนทั้งของคนและเครื่องบินออกไปให้หมดจากพื้นที่หรือไม่ ก็เข้าใจว่าคงเก็บไปให้หมดได้ยาก เพราะกระจัดกระจายกันไปขนาดนั้น ซึ่งก็ต้องเข้าใจเขา และคิดว่าไม่นานก็คงจะย่อยสลายไปเอง หากเราคิดในแง่ดีอย่างนี้จะดีกว่า อย่าไปคิดว่าจะต้องเก็บไปให้หมดจากหมู่บ้านเพราะมันยาก ไม่ใช่อุบัติเหตุรถ จยย.ชนกันกลางถนนเราก็ต้องทำใจ เพราะเขาก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้น และเมื่อเกิดแล้วเราก็ต้องดูที่สถานการณ์ด้วย น.ส.สุพัฒน์ศรี กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: