ฉะเชิงเทรา – ผบ.เรือนจำเตือน คดีฉ้อโกงออนไลน์มีนักโทษก้าวเข้าประตูเรือนจำ ตกเป็นผู้ต้องขังเพิ่มมากที่สุดแซงคดีอื่นทั่วไปจนขึ้นเป็นอันดับ 2 รองแชมป์จากคดียาเสพติด ที่ขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่งมาอย่างยาวนาน บอกผู้ซื้อขายของผ่านทางออนไลน์ให้ระวัง ข่มกลุ่มมิจฉาชีพบอกมีโทษหนัก นับแบบต่อเนื่องกันเป็นรายคดีต่างกรรมต่างวาระ
วันที่ 30 ส.ค.67 เวลา 12.30 น. นายณรงค์พงศ์ พิศิลป์ ผบ.เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ได้กล่าวถึงสถานการณ์เกี่ยวกับผู้ต้องขังคดี ที่ถูกศาลตัดสินให้นำเข้ามาคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำกลางฉะเชิงเทราในปัจจุบันว่า ปัจจุบันมีคดีที่น่าสนใจและกำลังมาแรงจนทำให้มีผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องกับคดีในลักษณะนี้ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ คือ คดีเกี่ยวกับโซเชียล ที่มีการฉ้อโกงกันผ่านทางสังคมออนไลน์
เช่น แชร์ลูกโซ่ การพนันออนไลน์ การเปิดบัญชีม้า และการซื้อขายของผ่านทางสังคมออนไลน์แล้วไม่ได้ส่งของให้แก่ผู้ซื้อ หรือผู้ซื้อได้ของไม่ครบไม่ตรงปก ขณะนี้พบสถิติเพิ่มขึ้นสูงมาก หลังจากมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จนจำนวนผู้ต้องขังแซงคดีอื่นๆ ทั่วไป ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจากคดียาเสพติด ที่เคยครองแชมป์สูงสุดมานาน ซึ่งในปัจจุบันคดีเกี่ยวยาเสพติดยังคงมีมากถึงร้อยละ 73 ขณะที่คดีฉ้อโกงออนไลน์จากเดิมมีน้อยมากกว่าคดีอื่นหรือแทบจะไม่มีผู้ต้องขังเข้ามาเลย กลับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 2 คือจำนวนร้อยละ 5 ของผู้ต้องขังในช่วงระยะเวลาเพียง 2 ปีที่ผ่านมา
สะท้อนให้เห็นว่าในโลกสังคมออนไลน์หรือสื่อโซเชียลนั้น มีการฉ้อโกงกันสูงมาก และยังมีความผิดที่ได้รับการลงโทษที่ค่อนข้างหนัก โดยมีโทษจำคุกมากถึงกว่า 20 ปี เนื่องจากการพิจารณาให้ได้รับโทษนั้น มักจะถูกพิจารณาจากการกระทำ ที่กระทำต่างกรรมต่างวาระกัน หรือกระทำผิดซ้ำๆ ฉ้อโกงผู้คนจำนวนหลายราย และมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก จึงทำให้อัตราโทษถูกทบกันเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ แบบนับต่อเรียงเป็นคดี ไปตามแต่ละคดีที่ได้กระทำผิด
จึงอยากเตือนผู้ที่กำลังใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการทำธุรกรรม หรือซื้อข้าวของผ่านทางโลกสังคมออนไลน์ว่า ให้ระมัดระวังและต้องดูให้ดี ส่วนกลุ่มมิจฉาชีพที่กำลังจะก่อเหตุหรือกระทำความผิดนั้น ให้คำนึงถึงอัตราโทษที่ค่อนข้างสูง รวมถึงกลุ่มที่ยอมไปเปิดบัญชีม้าให้มิจฉาชีพฉ้อโกงผู้อื่นนั้น บางคนยังไม่รู้เรื่องเลยว่าได้กระทำผิดอะไรไปบ้าง แต่ก็ต้องมารับโทษนั้น ถือเป็นกลุ่มที่มีจำนวนค่อนข้างมากในเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา นายณรงค์พงศ์ กล่าว
ขณะที่ในวันนี้ได้มีกลุ่มอาสาสมัครในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งนำโดย น.ส.วิภา เฟื่องฟูดำรงชัย ประธานอาสาสมัครคุมประพฤติ จ.ฉะเชิงเทรา ได้นำคณะซึ่งประกอบด้วยอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาดีเครือข่าย ผู้ประณีประนอมประจำศาล ชมรมผู้ประกอบการค้าแก๊สฉะเชิงเทรา และผู้ประกอบธุรกิจในพื้นที่ ได้เข้ามาเลี้ยงอาหารผู้ต้องขังหญิง และผู้ต้องขังสูงอายุ และยังได้นำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ของใช้ที่จำเป็นสำหรับสตรี เช่น ผ้าอนามัย ชุดชั้นใน มามอบให้แก่ทางเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ต้องขังหญิงที่กำลังขาดแคลนสิ่งของใช้ที่จำเป็นเหล่านี้
โดย น.ส.วิภา กล่าวว่า การจัดกิจกรรมนำสิ่งของใช้ที่จำเป็นและอาหารมาเลี้ยงผู้ต้องขังหญิงและผู้สูงอายุในเรือนจำครั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวาระมหามงคลครบ 8 รอบ ในการให้โอกาสต่อผู้ต้องขังในเรือนจำได้รับรู้ว่า หากได้กลับออกมาสู่สังคมภายนอกแล้วยังมีคนในสังคมรอต้อนรับอยู่ และขอให้กลับตัวเป็นคนดีคืนสู่สังคม และขอเชิญชวนให้ผู้สนใจบริจาคสิ่งจำเป็นต่อสตรีเหล่านี้ ได้นำมาบริจาคให้แก่ทางเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ต่อไป น.ส.วิภา กล่าว
ซึ่งบรรยากาศก่อนการจัดเลี้ยงอาหารให้แก่ผู้ต้องขังหญิง และผู้ต้องขังสูงอายุ ได้มีการจัดแสดงฟ้อนรำเป็นการต้อนรับ คณะผู้ใจบุญที่ได้เข้ามาทำกิจกรรมภายในเรือนจำ แต่หลังจากการแสดงเริ่มต้นขึ้นได้ไม่นาน ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก จนทำให้เครื่องเสียงเพลงประกอบการฟ้อนรำขัดข้อง แต่เหล่านางรำทั้ง 4 นาง ยังคงฟ้อนรำต่อไปจนจบการแสดง ถึงกว่า 3 นาที โดยไม่มีเสียงเพลงประกอบ ถือเป็นความภาคภูมิใจของเหล่านางรำที่ได้แสดงจนจบ
หลังจากที่ได้มีการเตรียมการฝึกซ้อมการฟ้อนรำกันมาเป็นเวลานานถึงกว่า 1 เดือน เพื่อเตรียมที่จะแสดงโชว์ให้เหล่าบรรดากลุ่มจิตอาสาผู้ใจบุญ ที่ได้เข้ามามอบสิ่งของใช้ที่จำเป็นและเลี้ยงอาหารผู้ต้องขังในครั้งนี้ ได้ชมการแสดงที่มีความสวยงามและพร้อมเพียงกันตามความตั้งใจฝึกซ้อม เพื่อเป็นการตอบแทน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: