ฉะเชิงเทรา – ระดม เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองกลางดง ควานหาต้นตอส่งกลิ่นแสบจมูกรบกวนวัด หลังขึ้นป้ายประกาศขายเมื่อวันวาน ขณะทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระบุจะต้องดำเนินการจนกว่าจะเกิดความพึงพอใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่
วันที่ 14 ม.ค.62 นายพีรวัส เมฆิน รักษาการ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้กล่าวเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวหลังการเดินทางลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านหนองกลางดง พื้นที่ ม.9 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา จนทำให้พระอธิการชยพัทธ์ กนฺตวีโร เจ้าอาวาสวัดบุญญาราม (หนองกลางดง) ขึ้นป้ายประกาศขายวัดด่วน เพื่อหนีมลพิษที่เกิดขึ้นว่า
ในวันนี้ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ดูแลด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยอีกหลายหน่วยงานประกอบด้วย นายศตวรรษ นาควงษ์ วิศวกรชำนาญการสำหนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา นายพงศกร สุดเสน่หา ปลัดอาวุโส อ.พนมสารคาม พ.ท.นพเก้า มะเหศวร ผู้แทน กอ.รมน. จ.ฉะเชิงเทรา นางสายภิญย์ สิธฌนุคฤษฏ์ ผอ.พุทธศาสนาจังหวัด นายเทอดศักดิ์ แพทย์ประสิทธิ์ สาธารณสุข อ.พนมสารคาม
นายวิชญ์ธวัช ศรีวิกาญจน์ ประธานสภา อบต.เขาหินซ้อน ร.ต.อดิพงษ์ สิงขรณ์ หัวหน้าชุด ร้อย รส.พนมสารคาม และ จนท.จากสำนักงานจัดหางานจังหวัด ตลอดจนเจ้าอาวาสวัด และผู้นำชุมชน ได้ร่วมประชุมหารือกันเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจนได้ข้อสรุปว่า ในขั้นตอแรกจะต้องร่วมกันตรวจสอบหาแหล่งกำเนิดมลพิษ ซึ่งมีอยู่โดยรอบพื้นที่ทั้งหมด 9 แห่ง
โดยจะเริ่มตรวจสอบแหล่งที่อยู่ใกล้วัดที่สุดก่อน คือ บ่อฝังกลบขยะอุตสาหกรรมที่ไม่มีอันตราย ของบริษัทเอเชียรีไซเคิล เทคโนโลยี กำจัด ตั้งอยู่เลขที่ 99/9 ม.9 ต.เขาหินซ้อน ซึ่งอยู่ใกล้เคียงที่สุดเพียงประมาณ 400 เมตร จากนั้นจึงจะเข้าไปตรวจสอบยังโรงงานหลอมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัทโยชิตา จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กันกับบ่อฝังกลบขยะห่างจากวัดไปประมาณ 500 เมตร
ก่อนที่จะไปตรวจสอบยังที่อื่นๆ ตามลำดับที่อยู่ไกลออกไปอีกประมาณ 4-5 แห่งที่มีความสุ่มเสี่ยงทางด้านมลพิษรอบพื้นที่ ซึ่งการเข้าไปตรวจสอบนั้นจะเข้าไปดูด้านความถูกต้องของโรงาน การประกอบกิจการที่มีมลพิษหรือสิ่งใดที่จะออกมายังภายนอกโรงงานบ้างหรือไม่ ซึ่งจะทำการตรวจในทุกประเด็น แต่การตรวจพิสูจน์นั้นอาจจะไม่เสร็จเรียบร้อยได้ภายในวันเดียว
โดยจะมีการติดตามเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เท็จจริงว่า กลิ่นนั้นมาจากตรงไหนอย่างไร รวมไปถึงคุณภาพน้ำที่ได้มีการกล่าวอ้างถึงว่ามีการปล่อยออกไปตรงไหนอย่างไรบ้าง โดยที่ผ่านมาทรัพยากรฯจังหวัด และอุตสาหกรรมจังหวัดนั้น ได้เคยออกมาปฏิบัติงานร่วมกันหลายครั้งแล้ว ทั้งในเรื่องน้ำเสียและกลิ่น และได้ให้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งหากเกินค่าที่กำหนดก็จะมีการสั่งให้มีการปรับปรุง
สำหรับในวันนี้หากเข้าไปตรวจสอบแล้วและรู้จุด จะมีการประสานไปยังหน่วยงานที่จะออกมาร่วมกันตรวจวัด ซึ่งจะดูในเบื้องต้นก่อนว่าโรงไหนประกอบกิจการอะไร ขบวนการผิดไปอย่างไรบ้าง มีผลกระทบอะไรออกมาสู่ชุมชนจนทำให้เกิดความเดือดร้อนบ้างหรือไม่ นายพีรวัส กล่าว
จากนั้นทางคณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบยังในพื้นที่ ของบริษัทเอเชียรีไซเคิล และบริษัทโยชิตา จำกัด และหลังการเข้าไปตรวจสอบในสถานประกอบการทั้งสองแห่ง นายพีรวัส ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังการตรวจสอบภายในบริษัทเอเชียรีไซเคิล พบว่าเป็นสถานประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตที่ถูกต้อง และมีกระบวนกำจัดขยะเป็นไปตามเงื่อนไขของการได้รับอนุญาตจากอุตสาหกรรมจังหวัด และยังมีการตรวจวัดค่าฝุ่นละอองเพิ่มเติมซึ่งผลยังไม่ออกมา
จากนั้นได้เข้าไปตรวจสอบยังที่บริษัทโยชิตา จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานที่ได้มีการขออนุญาตก่อตั้งเป็นโรงงานหลอมขยะเล็กทรอนิกส์ แต่ยังไม่ได้มีการประกอบกิจการจึงยังไม่มีผลกระทบอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเขาจะต้องมีการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่เป็นเงื่อนไขของอุตสาหกรรมอย่างชัดเจนอยู่แล้ว และหลังจากนี้จะมีการไปตรวจสอบเพื่อหาข้อเท็จจริงตามที่ได้ประชุมกันเกี่ยวกับการปฏิบัติตามเงื่อนไขในสถานประกอบการอื่นๆ ต่อไป เพื่อนำไปสู่การพิสูจน์
ส่วนด้านความน่าเชื่อถือในการตรวจสอบนั้น จะต้องมีเครือข่ายระหว่างทางวัดและประชาชนเข้ามาร่วมด้วย โดยเจ้าหน้าที่ผู้เข้ามาปฏิบัติงานนั้นได้มีการปฏิบัติตามข้อมูลหรือข้อเท็จจริงตรงไปตรงมาอยู่แล้ว แต่หากยังมีประชาชนร้องเรียนในเรื่องกลิ่นหรือผลกระทบอยู่ก็ต้องมีการปรับปรุงแก้ไข และต้องมีการติดตามเฝ้าระวังร่วมกันเป็นเครือข่ายทั้งภาคประชาชนอำเภอท้องถิ่นตลอดจนเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ จะมีการประสานงานทำเป็นกลุ่ม และต้องดำเนินการจนกว่าจะเกิดความพึงพอใจให้กับประชาชน นายพีรวัส กล่าว
