ฉะเชิงเทรา – หนุ่มเมาเพี้ยน ก่อเหตุอาระวาดทำร้ายคนในบ้านจนถูกนายจ้างไล่ตะเพิดให้ออกจากงาน ก่อนขนเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแอบฉกรถยนต์กระบะขับหลบหนี แต่สุดท้ายไปไม่รอดแหกโค้งพลิกคว่ำหลายตลบตัวรถพังเสียหายยับเยิน ขณะคนร้ายรอดปาฏิหาริย์ไร้แม้แต่รอยแมวข่วน สอบถามอ้างจะรีบไปรับแฟนมาทำงานพร้อมตอบหน้าตาเฉยคิดดีทำดีจึงมีสิ่งดีๆ คุ้มครอง
วันที่ 3 ก.พ.62 เวลา 19.20 น. พ.ต.ท.บุญสฤษฎิ์ ช่วยชู สารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังรับแจ้งมีคนร้ายโจรกรรมรถยนต์ขับหลบหนีมาตามเส้นทางหลวงชนบท ฉช.3020 สายวัดพิมพา-แสนภูดาษ ก่อนประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักแหกโค้งพุ่งตกถนนลงไปยังในคูข้างทาง และทำให้มีทรัพย์สินของทางราชการและชาวบ้านได้รับความเสียหาย
ข่าวน่าสนใจ:
ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณทางโค้งและกำลังมีการปรับปรุงผิวการจราจรด้านฝั่งตรงข้าม พื้นที่ ม.4 ต.หนองจอก อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พบรถยนต์กระบะวีโก้ แบบตอนเดียวมีครอกเหล็กขอบกระบะหลัง สีขาว หมายเลขทะเบียน บบ-1043 ปราจีนบุรี นอนพลิกตะแคงข้างพิงกำแพงรั้วบ้านของชาวบ้าน เลขที่ 11/1 ม.4 ต.หนองจอก อ.บางปะกง ด้านหน้ารถจ่อห่างจากโคนเสาไฟฟ้าแรงสูงแค่เพียงประมาณ 20 ซม.
ตามเส้นทางด้านฝั่งมุ่งหน้าไปยัง ต.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ มีร่องรอยของตัวรถครูดมากับพื้นถนนเป็นทางยาว มีหลักเขตพร้อมป้ายสะท้อนแสงบอกแนวทางโค้งหักขาดกระเด็นออกมาจากโคนต้น และมีป้ายโครงการของ อบต.หนองจอก ได้รับความเสียหาย ขณะที่คนขับ คือ นายอาทิตย์ เบ้าทอง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ม.9 ต.หนองบัวบาน อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์
ได้ถูกชาวบ้านและเจ้าของรถ คือ นายอิทธิพัทธ์ คำโท อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/1 ม.7 ต.หนองจอก อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งขับรถติดตามมาทัน ช่วยกันควบคุมตัวเอาไว้ได้ ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยบาดแผลใดๆ เลยแม้แต่รอยแมวข่วน โดยนายอิทธิพัทธ์ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เล่าว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาเวลาประมาณ 18.00 น. ได้บอกไล่นายอาทิตย์ ให้ออกจากงานหลังจากเพิ่งรับเข้ามาทำงานได้เพียง 3 วัน
เนื่องจากดื่มสุราในที่ทำงานและก่อเหตุอาระวาด และเข้าจะทำร้ายร่างกายผู้เป็นบิดาของตนเอง โดยนายอาทิตย์ นั้นตนเพิ่งรับเข้ามาทำงานเป็นพนักงานขับรถขนส่งสินค้าจำพวกชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ ซึ่งหลังจากตนได้บอกไล่ให้นายอาทิตย์ออกจากงานผ่านไปประมาณ 20 นาทีเมื่อช่วงเย็นวันนี้ นายอาทิตย์ จึงได้หอบหิ้วถุงใส่เสื้อผ้าและขับรถยนต์คันเกิดเหตุหลบหนีออกมา
หลังจากตนทราบเหตุจึงได้พยายามขับรถยนต์กระบะสี่ประตูอีกคัน ติดตามมาจนพบว่ารถคันที่นายอาทิตย์ขับมานั้น ประสบอุบัติเหตุตรงบริเวณทางโค้งดังกล่าวแล้วจึงได้ช่วยกันกับชาวบ้านในบริเวณที่เกิดเหตุทำการควบคุมตัวเอาไว้ได้ นายอิทธิพัทธ์ กล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามนายอาทิตย์ ว่าเป็นอะไรหรือไม่ นายอาทิตย์ตอบว่าไม่ได้เป็นอะไร ขณะที่ชาวบ้านสอบถามว่าได้เสพยาบ้าไหมเขาตอบว่าไม่ได้เสพ แต่เคยถูกจับในคดีเสพมาก่อน เมื่อถามว่าคิดอย่างไรจึงได้โจรกรรมรถยนต์ของนายจ้างมา นายอาทิตย์กลับตอบว่าไม่ได้ขโมยแต่ต้องการจะขับรถออกไปรับภรรยายังที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อให้มาทำงานด้วยกันยังที่โรงงานแห่งนี้
เนื่องจากภรรยานั้นเรียนจบสาขาบัญชี ในระดับ ปวช.3 มา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากจะไปรับภรรยามาทำงานด้วย เหตุใดจึงไม่ขอยืมนายจ้างไปดีๆ เขาตอบว่านายจ้างไม่อยู่ที่โรงงานตั้งแต่เช้า พอกลับมาพบกันในช่วงเย็นก็มาถูกนายจ้างด่าว่า เมื่อสอบถามว่าได้ดื่มสุราหรือไม่ นายอาทิตย์ตอบว่าได้ดื่มสุราขาวขนาดขวดกลาง (ชนิดครึ่งขวดใหญ่) ไปสองขวด แต่ไม่ได้ดื่มคนเดียวดื่มด้วยกันกับเพื่อนคนงานรวม 3 คน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ให้ภรรยารู้เรื่องหรือยัง เดี๋ยวเขาจะรอนาน นายอาทิตย์ ตอบว่า จะบอกทำไมไม่จำเป็นเพราะเดี๋ยวเขาก็คงจะรู้เองเมื่อถูกตำรวจนำขึ้นศาลเดี๋ยวก็ต้องให้ตามหาญาติ จึงไม่จำเป็นต้องให้เขามารับรู้ ทำให้เขาไปสบายใจก่อน และเมื่อผู้สื่อข่าวจะให้นายอาทิตย์โทรศัพท์ไปบอกภรรยาที่อาจมารอเขาจริงๆ แต่นายอาทิตย์กลับบอกว่าจำเบอร์โทรศัพท์ไม่ได้ เพราะใช้แต่วายไฟของโรงงานตั้งแต่วันแรกเพราะโทรศัพท์ไม่ได้เติมเงิน
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า สาเหตุที่ขับรถพลิกคว่ำหลายตลบแล้วไม่ได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอะไรเลยนั้นมีของดีอะไร เขาตอบว่าไม่มี เพราะเราคิดดีทำดีก็พอ จึงมีสิ่งดีๆ คอยคุ้มครอง โดยตอนที่รถตีลังกาพลิกคว่ำม้วนอยู่นั้นก็ได้แต่เอ่ยถึง “พ่อ-แม่” แค่นั้น ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เห็นว่านายอาทิตย์แขวนพระห้อยอยู่ที่คอ 1 องค์จึงได้ถามว่านี่ใช่ของดีไหม
เขาบอกว่าเคยบวชเรียนอยู่กับหลวงปู่สุกวัดปากคลอง จึงได้คาถาดีมา คือ “นะมะพะทะ” แต่การคิดดีทำดีนั้นตอนนี้ตนเองไม่ดีแล้วเพราะว่าได้ดื่มสุราเข้าไปในวันนี้ นายอาทิตย์ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.บุญสฤษฎิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้เดินทางมาสอบสวนเหตุในคดีจราจรก่อน เพื่อดำเนินคดีในข้อหา ขับรถโดยประมาทจนทำให้ทรัพย์สินของทางราชการ และทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย ส่วนคดีอาญานั้น อยู่ที่เจ้าของรถซึ่งเป็นผู้เสียหายนั้นจะแจ้งความให้ดำเนินคดีในข้อหาอะไรบ้างต่อไป พ.ต.ท.บุญสฤษฎิ์ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: