ฉะเชิงเทรา – สองสาวหนุ่ม เช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่กินร่วมกัน ตื่นนอนมาถึงผงะหลังพบรถยนต์ถูกมือดีแอบเข้ามาลาดน้ำกรดใส่กลางดึก ทำสีรอบตัวรถปูดพองร่อนออกมาเกือบรอบคัน หลังเปิดกล้องวงจรปิดหาเบาะดูตัวคนร้ายที่แท้เป็นอดีตแฟนเก่าของฝ่ายหญิงเข้ามาเป็นผู้ลงมือ
วันที่ 5 ก.พ.62 เวลา 10.00 น. ร.ต.อ.สมศักดิ์ ศรีณรงค์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุ มีรถยนต์เก๋งถูกคนร้ายนำน้ำกรดมาเทลาดใส่จนได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่บริเวณภายในซอยข้างสนามมวยนานาชาติ หมู่บ้านร่มโพธิ์ทองเกสท์เฮ้าส์ เลขที่ 700/11 ถ.เทพคุณากร 8/2 ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้าไปทำการตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุบริเวณกลางซอย ซึ่งเป็นซอยแยกเข้าไปประมาณ 25 เมตร ก่อนถึงประตูทางเข้าสู่ตัวอาคารอพาร์ทเม้นท์ พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีเทาหมายเลขทะเบียน กบ-396 ฉะเชิงเทรา มีร่องรอยถูกสารกัดกร่อนเทลาดจนทำให้สีของตัวรถที่ด้านบนฝากระโปรงปูดพองร่อนออกมาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ที่ด้านบนหลังคารถและประตูด้านขวายังมีร่องรอยสีปูดลอกออกมาเช่นเดียวกัน
ขณะที่ล้อยางด้านขวาหน้าถูกปล่อยลมจนหมดเกลี้ยง ที่โคมไฟหน้ารถด้านขวาถูกสารกัดกร่อนกัดทำลายจนมีรอยฝ้ามัวได้รับความเสียหาย สอบสวน นายณัฐการต์ โค้วยู้ อายุ 22 ปี ชาว ต.ท่าวัด อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น เล่าว่า ได้ขับรถเข้ามาจอดตรงบริเวณจุดดังกล่าวเมื่อเวลา 22.00 น.เมื่อคืนนี้ ก่อนที่จะเข้าไปยังที่พักพร้อมกับแฟนสาว
และหลังจากตื่นนอนขึ้นมาในตอนเช้า เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ได้เดินลงมาที่รถและพบว่ารถยนต์ถูกมือดีเข้ามาสาดน้ำกรดทำลายดังกล่าว ซึ่งปกติตนเองนั้นไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใครมาก่อน
หลังจากทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบภาพจากระบบกล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัยด้านหน้าอพาร์ทเม้นท์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เสียหาย พบว่าเมื่อเวลา 00.27 น. ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 รายขับรถจักรยานยนต์เข้ามาก่อเหตุดังกล่าว โดยใช้เวลานานกว่า 5 นาที กระทำการปล่อยลมยางรถและเทสาดสารกัดกร่อนสีรถเข้าใส่อย่างใจเย็น ก่อนที่จะขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ขณะที่ฝ่ายหญิงสาววัย 24 ปีนั้น จำได้อย่างแม่นยำชัดเจนว่าคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุนั้นเป็นอดีตแฟนเก่าของตนเองวัยประมาณ 38 ปี ที่เพิ่งเลิกรากันไป ก่อนที่จะมามาคบหาอยู่กินกับแฟนใหม่ โดยจำได้ทั้งรถจักรยานยนต์ที่ขับมาใช้ก่อเหตุ เสื้อผ้าที่สวมใส่ และรูปพรรณสัณฐานของแฟนเก่าได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำงานอยู่ในร้านขายอุปกรณ์เซฟตี้ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุมากนัก
