ฉะเชิงเทรา – “ฐิติมา ฉายแสง” อดีต ส.ส.ตระกูลดัง ที่ยึดครองพื้นที่ ส.ส.เขต 1 ฉะเชิงเทรา มาอย่างยาวนานมั่นใจทวงคืนเก้าอี้ ส.ส.กลับมาใหม่ได้แน่ หลังพลาดจากการเลือกตั้งเมื่อครั้งปี 2554 พร้อมเดินเกมหาเสียงทวงความเหนียวแน่นจากฐานคะแนนในพื้นที่ ชูนโยบายการแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่และปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ
วันที่ 7 ก.พ.62 เวลา 11.30 น. นางฐิติมา ฉายแสง นักการเมืองตระกูลดัง อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา 2 สมัย ได้กล่าวเปิดใจถึงนโยบายในการอาสาสงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ฉะเชิงเทรา ในการเลือกตั้ง และยุทธวิธีในการทวงคืนเก้าอี้ ส.ส.กลับคืนมาในครั้งนี้ว่า
ข่าวน่าสนใจ:
ยุทธวิธีในการหาเสียงนอกจากการลงพื้นที่ไปขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน การใช้รถและป้ายโฆษณาแล้ว ยังต้องมีการใช้โซเชียลมีเดียในการหาเสียงอีกทางหนึ่งด้วย เพื่อให้ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับรู้ถึงนโยบายของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ซึ่งเป็นนโยบายที่ดีโดยต่อยอดมาจากพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย
ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน โอท็อป เอสเอ็มอี เหล่านี้เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่หวนคิดถึงนโยบายเหล่านี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นนโยบายที่ประชาชนชื่นชอบและมีประโยชน์มาก แต่จากนโยบายเดิมที่ถูกใช้มานานแล้วนั้นยังจำเป็นต้องมีการปรับปรุงด้วย เช่น การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยทำให้งานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคนั้นให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขณะที่งานด้านเกษตรกรรม ทั้งด้านราคาผลผลิตและต้นทุนในการผลิต ซึ่งหากนำเทคโนโลยีที่จะช่วยให้กระบวนการผลิตนั้นมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้นมาใช้ ก็จะสามารถช่วยให้เกษตรกรอยู่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากพรรคไทยรักษาชาติได้เป็นรัฐบาลก็จะสามารถขับเคลื่อนไปได้ ซึ่งอันนี้เป็นตัวอย่างสิ่งดีๆ ที่ได้นำไปปราศรัยให้แก่พี่น้องประชาชนฟัง
สำหรับการย้ายออกมาจากพรรคจากเพื่อไทย เข้ามาสังกัดพรรคไทยรักษาชาตินั้น จะทำให้ประชาชนที่ยังคงชื่นชอบในนโยบายของพรรคเพื่อไทยสับสนหรือไม่นั้น ในช่วงแรกๆ ประชาชนก็อาจสับสนบ้าง แต่ได้พยายามอธิบายจนเป็นที่เข้าใจของประชาชนในพื้นที่แล้วว่า เป็นการแตกยอดออกมาจากพรรคเพื่อไทย เนื่องจากถูกกลั่นแกล้งถูกบีบเพื่อไม่ให้พรรคเพื่อไทยนั้นมีขนาดใหญ่ และมีจำนวน ส.ส.มากเกินไป จึงทำให้ประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้นแล้ว
ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จำนวนมากในแต่ละเขตนั้น จะมีการรักษาฐานเสียงอย่างไรนั้น การลงพื้นที่ไปให้ประชาชนได้เห็นหน้าการไปบอกกล่าวพูดคุยกันกับพี่น้องประชาชน การไปดูแลเอาใจใส่ในความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ไปบอกถึงนโยบายของพรรคในการทำงานที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาต่างๆให้ เพื่อทำให้ประชาชนได้เข้าใจมากขึ้น และบอกถึงความแตกต่างของพรรคที่เข้ามาแข่งขันกับเราว่าเป็นอย่างไร
ขณะที่การเลือกตั้งในครั้งนี้มีผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นอดีต ส.ส.เป็นจำนวนมากถึง 3 ราย และยังมีผู้สมัครรายอื่นๆ อีกเกือบ 20 รายนั้น เชื่อว่าจากประสบการณ์ในการผ่านสนามเลือกตั้งมาแล้วถึง 2 สมัย ประกอบกับในอดีต นายอนันต์ ฉายแสง ผู้เป็นบิดาและนายจาตุรนต์ ฉายแสง พี่ชายนั้น ทำงานการเมืองมานานจึงมีประสบการณ์มามากกว่าผู้สมัครรายอื่นๆ ที่ยังไม่มีประสบการณ์ จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถเอาชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้
ในส่วนของผู้สมัครซึ่งเคยเป็นอดีต ส.ส. อีกจำนวน 2 รายนั้น ก็อาจเป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์ แต่ก็มีความชราภาพมากแล้ว 1 ราย และที่ผ่านมาประชาชนบอกว่าไม่เคยเห็นหน้าเลยหลังจากผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว เนื่องจาก อดีต ส.ส.ที่เคยได้รับการเลือกตั้งไปแล้วนั้น ไม่ค่อยได้ลงเข้ามาในพื้นที่มากนัก จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวหรือหวั่นเกรงวิตกกังวลอะไร
ขณะนี้จึงมองเห็นว่าชัยชนะนั้นอยู่ไม่ไกลมากนัก เนื่องจากเป็นพื้นที่เก่าที่เคยครองฐานเสียง ครองใจคนมานานแล้วและไม่เคยได้ละทิ้งพื้นที่ไปไหน และยังมีนโยบายที่ดี อีกทั้งยังได้ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ไม่ได้ขาดหายไปจากพื้นที่จึงเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะชนะการเลือกตั้งได้อย่างแน่นอน
จึงอยากฝากถึงประชาชนชาว จ.ฉะเชิงเทรา ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ให้มีความมั่นใจในพรรคไทยรักษาชาติ ถึงจะเป็นพรรคการเมืองใหม่แต่เป็นพรรคที่มีรากเง้ามาจากพรรคไทยรักไทย มีนโยบายที่ดี และเราเองคือตัวผู้สมัครหมายเลข 2 “ฐิติมา ฉายแสง” ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในการเป็น ส.ส. มาแล้วถึง 2 สมัย ยังคงมีความพร้อมและขออาสามารับใช้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง ในการเป็น ส.ส.สมัยที่ 3 นางฐิติมา กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: