ฉะเชิงเทรา-ออกอาระวาดอีกแล้วแก๊งค์ตุ๋นลวงคนทำมาค้าขาย หากินสุจริต หลังตระเวนต้มตุ๋นร้านค้าของชำย่านพนมสารคามแปดริ้วสูญเงินกว่าสองหมื่นสามพันบาท กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินกว่าจะตามทัน ขณะภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบริเวณร้านค้าสามารถจับภาพจนเห็นพฤติกรรมพิรุธในการก่อเหตุเอาไว้ได้อย่างชัดเจนแถมยังสร้างความงุนงงต่อชาวบ้าน เหตุเพราะคนร้ายมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับคนเดิมที่เคยถูกตำรวจรวบตัวได้เมื่อปีที่แล้ว
วันที่ 22 ม.ค.61 เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนถึงความเดือดร้อนจาก น.ส.วารุณี พุฒหมื่น อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/13 ม.5 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าของร้านค้าของชำประจำหมู่บ้านจระเข้ ที่ต้องกลายเป็นเหยื่อของแก๊งค์มิจฉาชีพ ที่เข้ามาก่อเหตุล่อลวงให้หลงเชื่อว่าเป็นเอเย่นต์ผู้ค้าส่งสินค้า ตุ๋นลวงให้ลงสินค้า แต่หลังการชำระเงินแล้วเสร็จกลุ่มคนร้ายขับรถจากไป จึงมาทราบภายหลังว่าถูกหลอกลวง ขายสินค้าในราคาที่ไม่ตรงกับจำนวนเงินที่จ่ายไป
โดย น.ส.วารุณี เล่าว่า เมื่อเวลา 09.34 น. วานนี้ (21 ม.ค.61) ได้มีกลุ่มมิจฉาชีพเป็นชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน ได้เข้ามาแสดงตนและทำทีเป็นเอเย่นต์ผู้ค้าส่ง ที่ต้องการจะเข้ามาติดต่อขายส่งสินค้าให้แก่ทางร้านค้าของชำของตนเอง โดยเป็นการเข้ามากันแบบเป็นทีมงานที่มีการนำแคตตาล็อกเข้ามาแนะนำสินค้า และให้ทำการเลือกซื้อในการขายส่งสินค้าชนิดต่างๆ ที่มีเกือบทุกชนิด ในราคาที่กลุ่มมิจฉาชีพระบุว่าเป็นสินค้าที่ถูกส่งตรงมาจากทางโรงงานผู้ผลิต จึงสามารถทำการจัดส่งให้ได้ในทุกๆ วันพุธของสัปดาห์ ในราคาที่ย่อมเยากว่าสินค้าที่ร้านค้าจะออกไปหาซื้อมาขายเองจากร้านค้าส่งทั่วไป โดยกลุ่มคนร้ายใช้เวลาในการพูดคุยอยู่นานกว่า 1 ชม. จนตนหลงเชื่อสั่งซื้อ
ข่าวน่าสนใจ:
ซึ่งหากเป็นไปตามที่กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้กล่าวอ้าง ตนก็เห็นว่าเป็นความสะดวกดี ที่ตนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการออกไปหาซื้อสินค้ามาจากร้านค้าส่งทั่วไปมาขายเอง ถึงแม้ราคาจะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก จึงได้สั่งให้กลุ่มคนร้ายทำการลงสินค้าตามที่ตนต้องการนำมาตั้งวางขายยังภายในร้าน โดยที่กลุ่มคนร้ายได้อ้างว่าในการเปิดบิลครั้งแรกนั้น ทางร้านค้าจะต้องทำการสั่งซื้อสินค้าหรือลงของให้มียอดวงเงินในการสั่งซื้อไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาท ทางบริษัทจึงจะสามารถเข้ามาจัดส่งสินค้าให้ได้ในทุกๆสัปดาห์
ซึ่งตนจึงได้สั่งให้ลงสินค้าไปเป็นจำนวนเงิน 23,000 บาท และหลังจากคนร้ายลงสินค้าเสร็จแล้ว ได้เรียกเก็บเงินจำนวน 23,000 บาทไป และเมื่อตนจะเดินไปทำการตรวจสอบเช็คดูสินค้า ทางกลุ่มคนร้ายก็ได้ทำทีเป็นการชวนพูดคุยไปในเรื่องอื่นๆ ต่อ ก่อนที่จะพากันออกจากร้านไป หลังจากนั้นตนพร้อมด้วยบุตรสาว และน้องสาว จึงได้เข้ามาช่วยกันตรวจเช็คของที่ลงไว้ แต่กลับพบว่าได้สินค้ามาเพียงจำนวนน้อย และมีมูลค่าไม่ถึง 1 หมื่นบาทเท่านั้น และเมื่อโทรศัพท์ติดต่อไปยังหมายเลขที่คนร้ายได้ให้ไว้ก็ไม่สามารถติดต่อได้
หลังจากรู้ตัวว่าถูกแก๊งค์มิจฉาชีพหลอกลวงแล้ว จึงได้โทรศัพท์แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.พนมสารคาม ในเวลาต่อมา ซึ่งภายในร้านค้าของตนนั้นมีกล้องวงจรปิด จึงสามารถเห็นพฤติกรรมของคนร้ายได้อย่างชัดเจน และยังสามารถเห็นพิรุธ ที่คนร้ายนั้นได้ทำการถอดแผ่นป้ายทะเบียนรถออกก่อนที่จะขับรถหลบหนีไปอีกด้วย แต่กล้องนั้นสามารถจับภาพของแผ่นป้ายทะเบียนรถเอาไว้ได้ไม่ชัดเจนมากนัก คือ เป็นรถยนต์โตโยต้า วีโก้ แบบสี่ประตู ลักษณะมีหลังคาคุมที่กระบะหลัง ส่วนหมายเลขทะเบียนนั้นไม่ชัดเจนคล้ายกับมีการดัดแปลงแก้ไขตัวเลขบนแผ่นป้ายทะเบียนเอาไว้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ตนจึงอยากจะออกมาเตือนภัยต่อผู้คนในสังคมเพื่อไม่ให้มีใครถูกคนร้ายแก๊งค์นี้หลอกลวงเหมือนกับตนได้อีก เพราะเชื่อว่าคนร้ายแก๊งค์นี้น่าจะเคยก่อเหตุหลอกลวงร้านค้ามาแล้วอย่างมากมายหลายครั้งแล้ว เพราะหลังจากให้ทางบุตรสาวทำการตรวจสอบผ่านระบบค้นหาทางอินเตอร์เน็ต ยังพบด้วยว่าคนร้ายที่ใช้วิธีล่อลวงในลักษณะนี้ เคยก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนต่อร้านค้าของชำมาแล้วเป็นจำนวนมากอย่างนับไม่ถ้วน จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทำการจับกุมตัวคนร้ายแก๊งค์นี้มาลงโทษให้ได้โดยเร็วด้วย น.ส.วารุณี กล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแก๊งค์ตุ๋นในลักษณะนี้ ได้เคยเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา มาแล้วเมื่อกว่า 2 ปีก่อน ในพื้นที่ อ.สนามชัยเขต ก่อนที่จะพบว่ามีข่าวของการฉ้อโกงต้มตุ๋นในลักษณะเดียวกันนี้ไปไกลในอีกหลายพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศ
และล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เม.ย.60 ปีที่ผ่านมานั้น ทาง พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ยังได้เคยทำการจับกุมและนำตัวแก๊งค์คนร้ายที่ก่อเหตุในลักษณะนี้จำนวน 4 คน มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงผลการจับกุมมาแล้ว แต่ในครั้งนี้กลับพบว่าคนร้าย ซึ่งมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันกับแก๊งค์คนร้ายที่เคยถูกจับกุมตัวได้แล้วจำนวนมากถึง 3 คน ยังคงวนเวียนกลับมาก่อเหตุถึงในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ได้อีก จึงสร้างความงุนงงต่อชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: