ประยุทธ์ เมินเสียงเหน็บแนมจากฝ่ายตรงข้าม ที่ออกมาเคลื่อนไหวจัดเวทีปราศรัยทางการเมืองก่อนหน้าในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา บอกเป็นรัฐบาลจะไปตรวจราชการที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ต้องเลือกเวลา คุยผลงาน 5 ปีวางรากฐานแก้ปัญหาให้ประเทศระยะยาว บอกพร้อมเป็นสะพานให้เดินข้ามไป ด้วยลีลาออดอ้อนอารมณ์ดี กระเซ้าหมู่ข้าราชการนักธุรกิจและชาวบ้านที่มารอคอยให้การตอนรับ
วันที่ 20 มี.ค.62 เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ที่บริเวณสวนป่าลาดกระทิง ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ได้กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการและนโยบายการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของรัฐบาลตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาว่า
วันนี้ตนเองมาตรวจราชการตามปกติในฐานะที่เป็นรัฐบาล จะเดินทางมาตรวจราชการเมื่อไหร่ก็ได้ จะไปที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกเวลาเพราะมีความจำเป็นที่จะต้องขับเคลื่อนเดินหน้าประเทศต่อไป ส่วนในเรื่องประชาธิปไตยก็เป็นเรื่องของประชาธิปไตยก็ว่ากันไป เพราะประเทศต้องการเร่งพัฒนาด้านเศรษฐกิจ เร่งพัฒนาประเทศ
ส่วนการเมืองก็เป็นเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง ที่ไม่ใช่เรื่องของการบริหารประเทศในเวลานี้ สำหรับวันนี้เรื่องของนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ ที่จะเข้ามาทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองในพื้นที่ ไม่ใช่แค่เฉพาะการรวมทุนหรือเป็นคลัสเตอร์เข้ามาอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้ลงทุนกับประชาชนในพื้นที่ และจะต้องทำให้เกิดอาชีพการจ้างงานต่างๆ มากขึ้น เป็นแหล่งชุมชนใหม่ๆ เกิดขึ้นโดยรอบสถานที่แห่งนี้มากขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณทุกๆ คนที่เสียสละพื้นที่ในหลายพื้นที่เข้าด้วยกัน
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ไปเยี่ยมสวนสาธารณะมาหลายแห่งและจะมีการปรับปรุง สร้างสวนสาธารณะในพื้นที่ต่างๆ ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตซึ่งเรามีแผนอยู่แล้วในทุกจังหวัด
ส่วนเรื่องการลงทุนนั้น ทั้งคนไทยและต่างประเทศจะได้สิทธิเท่ากันหมด อย่าไปลำเอียงเพราะทั้งโลกเขาเป็นกันอย่างนี้หมด หากใครมาบอกว่าอย่าให้เขามาลงทุนเลย ให้คนไทยมาลงทุนเองทั้งหมดนั้นมันไปไม่ได้ อย่าไปรังเกียจกัน โดยเราจะต้องเป็นเจ้าภาพที่ดี ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องเกิดประโยชน์แก่แผ่นดินประเทศไทย รายได้จะกลับมาจากภาษีที่จะเป็นรายได้จากกลุ่มพวกนี้ที่จะนำมาดูแลพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยต่อไปได้อีก
เราจะต้องสร้างโอกาสให้แก่เขาเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เราต้องก้าวไปสู่ประเทศที่เป็นผู้สร้างนวัตกรรม มีรายได้ใหม่ๆ มีผลผลิตใหม่ๆไม่ว่าจะเป็นเกษตรหรืออะไรใหม่ๆ ที่เป็นเทคโนโลยีใช้เครื่องจักรเครื่องมือมากขึ้น แต่ทำอย่างไรเราจึงจะเข้าถึงเรื่องพวกนี้มากขึ้น ซึ่งจะให้ใครทำนั้นว่ามา แต่เรามีแผนไว้หมดแล้ว ส่วนการสร้างโอกาสสร้างความเข้มแข็ง เช่น ถนนหนทางต่างๆ นั้น เป็นโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงได้ใช้ประโยชน์ และดูแลผู้มีรายได้น้อย
ในการสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์แห่งนี้ รัฐบาลได้เร่งรัดที่จะทำมาตั้งแต่ในปี 2557 แต่กว่าจะผ่านขั้นตอนต่างๆ จึงมาเริ่มก่อสร้างได้เมื่อปี 2559 ซึ่งตนยังรู้สึกว่ายังล่าช้า ทั้งที่เป็นโครงการตั้งแต่ปี 2547 แต่ไม่ผ่านการอนุมัติ “ใครไม่อนุมัติ” แต่พอมาปี 2556 “ใคร ไม่อนุมัติ” จนมาถึงปี 2557 อนุมัติ และทำต่อในปี 2559 “ใคร ใคร ใคร” (พร้อมชี้มาที่ตนเอง)
ฉะนั้น “ให้มองปัจจุบัน มันจะเห็นอนาคต” อนาคตอยู่ไหน แผนแม่บทเราจะลงทุนอะไรบ้าง 5 ปี 10 ปี 15 ปี 20 ปี ประชาชนจะเข้มแข็งได้อย่างไร พร้อมกับการลงทุนตรงนี้ไปด้วย ทั้งการลงทุนของไทยและการลงทุนของต่างประเทศ โลกยุคโลกาภิวัตน์มันเชื่อมโยงกันอย่างไม่มีขอบเขตพรมแดน เพราะข้ามไปมาด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล ด้วยโซเชียล เปิดดูกันหรือยังวันนี้ “ทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งชอบ ทั้งเกลียด ด่ากันเข้าไป นายกฯ น่ะ ด่าเข้าไป”
ไปดูสิเขาทำอะไรเสร็จแล้วไว้บ้างเป็นร้อยเรื่อง แล้วเกิดขึ้นได้ไหม “ตรงนี้ไม่มีใครเห็น หลายอย่างนะ ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า คิดกันขึ้นมาหมดนั่นแหละ แต่ทำไม่ได้ แต่นี่แหละทำ ก็ไปคาดหวังกันก็แล้วกันว่าใครจะทำ ไม่บอก นโยบายเรา 2561-2562 มี อีอีซีไอ มี อีซีดี” ฉะนั้นฝากผู้ประกอบการด้วย ช่วยดูผลงานวิจัยพัฒนาของเราด้วย บางครั้งไปอยู่ในสถานศึกษามีเยอะไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เราไปหยิบจับมาดูซิว่ามาเสริมความเข้มแข็งให้กับใครได้บ้าง
การสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งนี้ จำเป็นต้องทดสอบสมรรถนะ ทดสอบระบบยาง ทดสอบระบบเลี้ยว และชิ้นส่วนอีกนับพันชิ้น ฉะนั้นถ้าทำตรงนี้ได้ ยางก็จะเพิ่มมูลค่ามากขึ้น มีศูนย์วิจัยยางอยู่ตรงนี้ใช่ไหม มีหลายประเทศสนใจที่จะเอายางจากไทยไปทำถนน อย่างเช่นประเทศโอมาน ประเทศทางแถบตะวันออกกลางนั้นเขาสนใจ เพราะเห็นว่าดี หลังจากที่เราทำมาแล้ว 12 ปี ยังไม่มีการซ่อมเลย
เขาเห็นว่าดีก็จะเอายางของเราไปทำการทดสอบที่ประเทศของเขา และหากเป็นไปได้เขาก็จะซื้อยางจากประเทศไทย และจะนำไปทำที่แอฟริกา จะไปลงทุนทำมากมายทางแถบโน้น ดีหรือไม่ดี นี่คือการส่งเสริมราคายางให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ใช่หรือไม่ใช่ จึงต้องจับมือไปด้วย “ผมยินดีเป็นสะพานข้ามระหว่างตรงนี้กับตรงนั้น ผมต้องการจะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่จะมานำท่านมาเป็นเจ้าใหญ่นายโตไม่ใช่ รัฐบาลนี้เป็นเพื่อให้ท่านใช้ ทำให้ถูกด้วย วันนี้ไม่ได้มาพูดสร้างความขัดแย้ง
จากนั้นพลเอกประยุทธ์ ได้หันมาพูดกับทางกลุ่มนักลงทุนและชาวต่างชาติว่า “ท่านเข้าใจประเทศไทยดี ท่านรักประเทศไทยอยู่แล้วแหละ ถ้าไม่งั้นท่านคงย้ายประเทศหนีไปนานแล้ว อย่าย้ายประเทศหนีไปที่อื่นนะ ขอร้อง เรากำลังดีขึ้นมากตามลำดับ” และหันมือชี้มาทางฝั่งที่นั่งของข้าราชการและประชาชนว่า ต้องการความสงบสุข สันติสุขคืนมาให้ประเทศไทยให้ผมได้หรือไม่ พร้อมเชิญชวนบอกว่าถ้าได้แล้วยกมือไปด้วยกัน ก่อนที่จะหันกลับมาทางกลุ่มผู้ลงทุนและพูดอีกว่า ทางซ้ายด้วยจะไปกับผมไหม
จากนั้นพลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวถึงการดำเนินการนโยบายด้านต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาอีก และยังได้บอกว่าจะดูเกี่ยวกับปัญหาเรื่องน้ำ และเรื่องเกี่ยวกับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้แก่ประชาชนด้วย โดยทุกคนมีสิทธิ์ทั้งหมด
โดยขณะนี้รายได้ของประเทศมีอยู่ 3 ล้านล้านบาท โดยกลุ่มพวกนี้ (ชี้มือมาที่กลุ่มนักลงทุน) จะหารายได้มาให้เราจากภาษี ทั้งจากคนรวย คนไม่รวย คนปานกลาง รัฐบาลจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงทุกคนด้วยหัวใจ เพื่อคน 68 ล้านคน ทำอย่างไรถึงจะให้มีความสุขมีรอยยิ้ม ซึ่งตนเองก็เครียดๆ มาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แล้วก็สุดแล้วแต่ท่านจะพิจารณาเรื่องของท่าน พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: