ฉะเชิงเทรา – เบ่งข้ามถิ่น ดาบตำรวจ ตม.สุวรรณภูมิ เมาแอ๋นั่งร้านข้าวต้มชื่อดังกลางเมืองแปดริ้ว ก่อนออกอาการเบ่งหลังมีเงินในกระเป๋าไม่พอจ่ายค่าอาหารจำนวน 270 บาท จนเกิดการชุลมุนออกแรงทำร้ายร่างกายกันขึ้นภายในร้าน ล่าสุดเจ้าของร้านได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทราเพิ่มเติมแล้ววันนี้
วันที่ 29 มี.ค.61 เวลา 13.30 น. นายนันท์ฐณัฏ พลอยปฐม อายุ 50 ปี เจ้าของร้านอาหารชื่อดัง (ข้าวต้มอาเหลียง) ตั้งอยู่เลขที่ 76/1/2/3 ถ.ศรีโสธรตัดใหม่ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ศิษฎ์ พูลวงศ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังเกิดเหตุกรณี ดต.ชัยยันต์ ระตะขันธ์ ผบ.หมู่ งาน ตม.ขาออก บก.ตม.2 ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ เข้ามารับประทานอาหารพร้อมเพื่อนรวม 2 คน และไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารจำนวน 270 บาท จนเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกับพนักงานภายในร้านและเจ้าของร้านขึ้น เมื่อเวลา 00.45 น. วันที่ 28 มี.ค.61 ที่ผ่านมา เพื่อสอบปากคำและบันทึกคำให้การเพิ่มเติม
หลังจากนั้น นายนันท์ฐณัฏ ได้เล่าเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.50 น. ของคืนวันที่ 27 มี.ค.61 ได้มีชายสองคนเข้ามานั่งสั่งอาหารภายในร้านรับประทาน โดยนั่งที่โต๊ะนั่งแถวกลางโต๊ะที่ 3 โดยมีรายการอาหารประกอบด้วย คะน้าหมูกรอบ ข้าวผัดเต้าหู้ กุยช่าย และต้มไส้หมู จนเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชม. จึงได้เรียกให้พนักงานภายในร้านทำการเช็คบิลคิดค่าหาร โดยคิดเป็นเงินค่าอาหารจำนวน 270 บาท แต่พอพนักงานเสิร์ฟนำบิลไปเรียกเก็บเงิน ชายคนดังกล่าวได้ควักเงินจ่ายมาให้แก่พนักงานเพียงจำนวน 170 บาท โดย “บอกว่ากูไม่มีตังค์ ขอจ่ายแค่นี้ได้ไหม” พร้อมกับกางกระเป๋าสตางค์ให้ดู
ข่าวน่าสนใจ:
- เงิน 9,000>เยียวยาน้ำท่วมใต้ บ่งบอกจิตสำนึกคนนอกรีตไม่เข้าเกณฑ์
- ชื่นชมคนทำดี!! อส.โก-ลก เก็บสร้อยทองหนัก 3 บาท ใช้คลื่น สวท.เป็นสะพานสู่เจ้าของ
- ชาวบ้านห้วยแถลงเดือดบุกร้องเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา หลังคืนตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดทั้งที่ยังมีคดียักยอกเงินวัดเบิกเข้าบัญชีส่วนตัว
- กระฮึ่มรุมสาปแช่งทั่วเมืองสาวแสบยังไม่สำนึกขโมยของศาลเจ้าพ่อพญาแลผู้ก่อตั้งเมืองชัยภูมิ!
จากนั้นพนักงานในร้านจึงได้เข้ามาบอกตนเองถึงกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งตนดูจากลักษณะของชายทั้งสองคนแล้วนั้นไม่น่าจะเป็นคนที่กินแล้วจะไม่มีเงินจ่าย และรถที่ขับมาก็เป็นรถยนต์กระบะสี่ประตูยี่ห้อดัง (โตโยต้า รีโว่) สีดำ ที่มีราคาค่อนข้างแพงถึง 7-8 แสนบาท ตนจึงได้เดินออกมาเจรจาสอบถามว่าเป็นอย่างไร เหตุใดถึงกินแล้วไม่จ่าย โดยได้ถามไปว่า “กินแล้วทำไมไม่จ่ายล่ะครับ ในเมื่อคุณก็ได้เข้ามาอุดหนุนผมแล้ว คุณก็จ่ายผมหน่อยไม่ได้หรอกหรือ” โดยเขากับพูดกระแทกเสียงกลับมาว่า “ก็กูไม่มีอ่ะ มึงให้กูได้ไหมล่ะ กูขอมึงได้ไหม” โดยพูดซ้ำๆ กันอยู่หลายครั้ง
ตนจึงได้ถามกลับไปว่าแล้วคุณเป็นใครล่ะ เขากลับพูดว่า “ถ้ามึงไม่ให้ ถ้าขอไม่ได้ก็ เดี๋ยวพวกมึงมีต่างด้าวอยู่เหรอ กูจะมาตรวจสอบแล้วมึงอย่ามาขอกูนะ” ตนจึงถามกลับไปว่า “อ่าว แล้วคุณเป็นตำรวจเหรอ ถ้าคุณเป็นตำรวจคุณแสดงตัวหน่อยซิ ไหนบัตรข้าราชการคุณ ล่ะ คุณเอามาดูหน่อยสิ” ซึ่งเขาก็ไม่ได้นำบัตรออกมาแสดงให้ตนดู แต่ทราบภายหลังว่า คือ ดต.ชัยยันต์ ระตะขันธ์ จากนั้นเขาจึงได้คว้าขวดน้ำดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะขว้างใส่ตน จึงเกิดการตะลุมบอนโดยเด็กในร้านจึงได้กรูกันเข้าไปทำร้ายเขาและกลายเป็นเหตุชุลมุนกันขึ้น สุดท้ายจึงมีการห้ามปรามกันเหตุการณ์จึงยุติลง
โดยมีการพูดคุยกันว่าจะไม่เอาเรื่องเอาความกันให้จบกันอยู่แค่นั้น และแยกย้ายกลับกันไป ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดติดใจเอาความ แต่หลังเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งเขาจึงขับรถย้อนกลับมาที่ร้านใหม่ โดยมีการพกปืนเหน็บหลังติดตัวลงมาด้วย และตรงเข้าไปหายังพนักงานในร้านคนหนึ่ง ซึ่งยืนอยู่ที่หัวมุมด้านหน้าของร้าน และเข้าทำการล็อกคอหักข้อมือ จนเด็กในร้านที่ถูกล็อกอ่อนตัวลงไปตามแรงหักข้อมือ แต่ได้เอื้อมมืออีกข้างหนึ่งไปหยิบคว้าดึงปืนที่เหน็บอยู่ทางด้านหลังของ ดต.ชัยยันต์ ออกมาได้ ก่อนที่จะโยนปืนเข้ามายังภายในร้าน
จากนั้นตนจึงได้เข้าไปยื้อตัว ดต.ชัยยันต์ ไว้ เพื่อไม่ให้เขาไป จากนั้นจึงได้เรียกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองฉะเชิงเทรา มายังที่เกิดเหตุ โดยระหว่างการยื้อยุดกันนั้นตนได้ไปดึงกุญแจรถที่เขาจอดติดเครื่องยนต์เอาไว้ออกมาด้วย จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงยังที่เกิดเหตุ จึงได้มีการเจรจากันอีก โดยที่เพื่อนของเขาที่มาด้วยกันนั้นได้เข้ามาขอร้องว่า “ตรงนี้ขอได้ไหมให้มันจบกันแค่ตรงนี้ ไม่ให้มีการเอาเรื่องเอาความกัน” โดยตนก็ยังยินดีที่จะให้อภัยเขาโดยได้มีการจับไม้จับมือกัน แต่เขาไม่ได้มีการขอโทษและยังบีบมาที่มือตนแบบแรงๆ ตลอดจนการพูดจานั้นเขายังไม่ได้อยู่ในสภาพของคนที่รู้ผิดรู้ถูก
แต่สุดท้ายก็ได้มีการแยกย้ายกันกลับไป ส่วนปืนของเขาที่เก็บไว้ได้ ก็ได้ให้คืนไปกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง ที่มาระงับเหตุ ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาสไลด์ขึ้นลำดูก็ปรากฏว่า ในรังเพลิงนั้นยังมีกระสุนบรรจุอยู่จำนวน 1 นัด แม้ว่าปืนจะไม่ได้มีการบรรจุแม็กกาซีนมาด้วยก็ตาม โดยเป็นปืนยี่ห้อกล็อก ขนาด 9 มม. ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการคืนปืนให้เขาไปด้วยในขณะนั้น
หลังจากแยกย้ายกันไปสักพักหนึ่ง เขาก็ยังคงขับรถวนเวียนโฉบกลับเข้ามายังที่หน้าร้านอีก ซึ่งขณะนั้นทุกคนทราบดีแล้วว่า เขานั้นยังมีอาวุธปืนอยู่จึงพากันแตกตื่นเพราะรู้เลยว่าไม่ปลอดภัยแล้ว จึงต่างพากันลุกขึ้นหลบหนีเข้าที่กำบังกันหมด ทั้งลูกค้าในร้านและพนักงานในร้าน ก่อนที่จะขับออกไป ต่อมาเขาก็ยังคงขับรถวนกลับมายังที่บริเวณหน้าร้านอีกรอบ ก่อนที่จะขับรถหายไป
ตนจึงได้โทรศัพท์แจ้งไปให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาอีก ซึ่งหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก็ไม่พบ จึงได้ให้ตำรวจสายตรวจออกตรวจตราค้นหาแต่ไม่พบ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา จึงได้มาเฝ้ารออยู่ที่ร้าน และสุดท้ายเขาก็ยังขับรถวนกลับมาอีกครั้ง จนถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการควบคุมตัวกลับไปยังที่โรงพัก สภ.เมืองในที่สุด แต่ก็ยังไม่ได้มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด โดยเป็นเพียงนำตัวไปสงบสติอารมณ์เท่านั้น
ซึ่งในครั้งแรกที่เขาเข้ามาในร้าน เขาก็มีลักษณะเมาสุรามาก่อนหน้าแล้ว และยังพูดจาและมีท่าทีจะลวนลามพนักงานหญิงในร้านซึ่งเป็นทอม โดยจะขอบีบแตรของพนักงานที่เป็นทอมในร้านด้วย โดยในวันนี้ได้เข้าไปให้ปากคำลงบันทึกเอาไว้หมดแล้ว เพื่อที่ทางพนักงานสอบสวนจะดูว่าการกระทำที่เกิดขึ้นนั้นผิดในข้อหาอะไรบ้าง นายนันท์ฐณัฏ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.กมล โอศิริ ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้แก่ ดต.ชัยยันต์ ให้ทราบแล้วในข้อกล่าวหา “พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” และจะทำการตรวจสอบอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว ว่ามีทะเบียนถูกต้องตรงตามทะเบียนที่ได้แจ้งเอาไว้หรือไม่ หากพบว่าเป็นปืนที่มีทะเบียนไม่ตรงกันก็จะทำการแจ้งข้อหาอื่นเพิ่มเติมต่อไป พ.ต.อ.กมล กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: